เดรโก มัลฟอย (Draco Malfoy)

เดรโก มัลฟอย เป็นนักเรียนฮอกวอตส์ที่มีเรือนผมสีบลอนด์ขาว กับดวงตาสีเทาเย็นเยียบซีดเซียว และมีใบหน้าแหลมเสี้ยม เป็นนักเรียนบ้านสลิธีรินผู้มาจากครอบครัวที่พัวพันกับศาสตร์มืด เดรโกมักเหน็บแนมแฮร์รี่และเพื่อนของเขาอยู่บ่อย ๆ

เนื้อหาใหม่จาก เจ.เค.โรว์ลิ่ง

เกิด: 5 มิถุนายน
ไม้กายสิทธิ์: ไม้ฮอว์ทอร์น ขนยูนิคอร์น ยาวสิบนิ้ว ยืดหยุ่น
สังกัดบ้านที่ฮอกวอตส์: สลิธีริน
เชื้อสาย: แม่เป็นแม่มด พ่อเป็นพ่อมด

เดรโก มัลฟอย เติบโตมาในฐานะลูกชายคนเดียวแห่งคฤหาสน์มัลฟอย คฤหาสน์แสนงามในวิลต์เชียร์ที่ครอบครัวของเขาถือครองมานานหลายศตวรรษ โดยตั้งแต่เริ่มพูดได้เดรโกก็ฉายแววชัดเจนว่ามีความพิเศษ 3 อย่างที่เหนือกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป อย่างแรกคือเขาเป็นพ่อมด สองเขาเป็นเลือดบริสุทธิ์ และสามเขาเป็นสมาชิกของครอบครัวมัลฟอย

เดรโกได้รับการเลี้ยงดูมาในบรรยากาศแสนเศร้าหลังความล้มเหลวของจอมมารที่ไม่อาจเถลิงอำนาจเหนือชุมชนผู้วิเศษได้สำเร็จ โดยถูกย้ำเตือนอยู่ตลอดว่าไม่ควรแสดงความเห็นใด ๆ ต่อเรื่องนี้ในที่อื่นนอกเหนือจากวงสนทนาของครอบครัวหรือในหมู่มิตรสหายของครอบครัว ไม่อย่างนั้น “คุณพ่ออาจต้องเจอเรื่องเดือดร้อน” ในวัยเด็ก เดรโกมักสุงสิงกับกลุ่มกับเด็กเลือดบริสุทธิ์ซึ่งเป็นลูก ๆ ของอดีตพลพรรคผู้เสพความตายของพ่อ จึงเป็นเหตุให้เขามาถึงฮอกวอตส์พร้อมด้วยแก๊งเล็กๆ ของกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แล้ว อย่างทีโอดอร์ น็อตต์ และวินเซนต์ แครบ

เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกับ แฮร์รี่ พอตเตอร์   เดรโกได้ยินเรื่องราวของเด็กชายผู้รอดชีวิตมาตลอดนับแต่จำความได้ มีทฤษฎีมากมายที่ถกกันเป็นปี ๆ เกี่ยวกับเหตุผลที่แฮร์รี่รอดชีวิตจากการโจมตีที่ควรถึงฆาต และหนึ่งในความคิดเห็นที่มีน้ำหนักที่สุดก็คือแฮร์รี่คือเจ้าแห่งศาสตร์มืดที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้งข้อเท็จจริงที่เขาถูกพาไปหลบเร้นจากโลกของผู้มีเวทมนตร์ก็ดูจะ (ในทางที่สนองพวกเจ้าความคิดทั้งหลาย) สนับสนุนความคิดเห็นนี้ และพ่อของเดรโก จอมเจ้าเล่ห์ลูเซียส มัลฟอย ก็คือหนึ่งในผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือสนับสนุนทฤษฎีนี้มากที่สุด เพราะลูเซียสสามารถปลอบประโลมใจตัวเองได้เมื่อคิดว่าเขายังมีโอกาสครั้งที่สองที่จะได้ครอบครองโลกอีกครั้งหากว่าเด็กพอตเตอร์คนนี้ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นสุดยอดพ่อมดเลือดบริสุทธิ์รายต่อไป   ฉะนั้น ด้วยความคิดว่าจะไม่ทำอะไรก็ตามที่พ่อจะไม่เห็นด้วย และด้วยหวังว่าตัวเองจะได้เป็นคนเอาข่าวดีไปอวดแก่ครอบครัว  เดรโกจึงหยิบยื่นมิตรภาพให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครในตอนที่พบกันบนรถไฟสายด่วนฮอกวอตส์ แต่การที่แฮร์รี่ปฏิเสธมิตรภาพที่เดรโกเป็นฝ่ายเสนอให้ อีกทั้งยังไปสนิทชิดเชื้อกับ รอน วีสลีย์ ผู้มาจากตระกูลซึ่งเป็นที่จงเกลียดจงชังของพวกมัลฟอยก็ทำให้เดรโกเปลี่ยนท่าทีไปเป็นอริต่อแฮร์รี่ในทันที   และเดรโกก็รู้อย่างแน่นอนแล้วว่าความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของเหล่าผู้เสพความตายที่หลงคิดว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือโวลเดอมอร์ – หรือพ่อมดที่สุดยอดกว่าโวลเดอมอร์ – คนต่อไปนั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงได้    ความเป็นอริกันระหว่างเดรโกและแฮร์รี่เริ่มต้นจากจุดนี้เอง

พฤติกรรมส่วนใหญ่ของเดรโกที่โรงเรียนล้วนถอดแบบมาจากบุคคลที่เขาชื่นชมมากที่สุด ซึ่งก็คือพ่อของเขานั่นเอง เขาสามารถถอดแบบลูเซียสได้เป็นพิมพ์เดียวในท่าทีเยือกเย็นและท่าทางเหยียดหยามทุกคนที่อยู่นอกสายตาของเขา   มีการคัดเลือกลูกสมุนคนที่สอง (แครบได้ตำแหน่งสมุนคนแรกก่อนที่จะเข้าฮอกวอตส์แล้ว) ขณะนั่งรถไฟไปโรงเรียน โดยมัลฟอยผู้ไม่ได้มีร่างกายขึงขังน่าเกรงขามนักได้เลือก แครบ และ กอยล์ เป็นทั้งลูกสมุนและผู้คุ้มกันตลอดหกปีของการใช้ชีวิตที่โรงเรียน

ความรู้สึกของเดรโกต่อแฮร์รี่ส่วนใหญ่ออกไปในทางอิจฉา  ถึงแม้จะไม่ได้พิศวาสการเป็นคนดัง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องของแฮร์รี่เป็นหัวข้อสนทนาของเหล่าคนที่ชื่นชมเขาในโรงเรียนบ่อยที่สุด    และเป็นธรรมดาที่สิ่งนี้จะเป็นที่ขัดใจของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเติบโตขึ้นมาด้วยความเข้าใจว่าเขาจะได้เป็นที่นับหน้าถือตาในชุมชนผู้วิเศษ    นอกจากนี้แฮร์รี่ยังมีพรสวรรค์ด้านการบินซึ่งเป็นทักษะที่มัลฟอยมั่นใจว่าเขาจะโดดเด่นกว่าทุกคนในชั้นปีหนึ่ง และการที่อาจารย์วิชาปรุงยาอย่างสเนปเอ็นดูมัลฟอยและดูแคลนแฮร์รี่ก็ช่วยชดเชยความอิจฉานี้ได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น

เดรโกจึงหันไปใช้วิธีสกปรกวิธีแล้ววิธีเล่าที่จะทำให้ชีวิตแฮร์รี่ตกต่ำลง หรือทำลายชื่อเสียงของเขาให้ประจักษ์ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ด้วยเรื่องโกหกเกี่ยวกับแฮร์รี่, การประดิษฐ์เข็มกลัดเพื่อเย้ยหยันเขา, ความพยายามที่จะสาปเขาจากด้านหลัง และปลอมตัวเป็นหนึ่งในผู้คุมวิญญาณ (ซึ่งแฮร์รี่แสดงให้เห็นว่าปวกเปียกต่อสิ่งนี้อย่างยิ่ง)   แต่ถึงกระนั้นมัลฟอยเองก็มีช่วงเวลาอัปยศด้วยน้ำมือของแฮร์รี่ โดยเฉพาะในสนามควิดดิช และเขาไม่เคยลืมความอัปยศของการถูกแปลงร่างเป็นตัวเฟเร็ตโดยอาจารย์ผู้สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดได้เลย

ในขณะที่หลายคนมองว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ปั้นน้ำเป็นตัว ไม่ก็พูดเพ้อเจ้อเกี่ยวกับเรื่องที่ได้เห็นการคืนชีพของเจ้าแห่งศาสตร์มืด แต่ เดรโก มัลฟอย เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าแฮร์รี่พูดความจริง เพราะพ่อของเขาเองรู้สึกถึงตรามารที่ร้อนขึ้นและรุดไปสมทบกับจอมมาร และได้เป็นพยานในการต่อสู้ของแฮร์รี่และโวลเดอมอร์ที่สุสาน

การหารือถึงเหตุการณ์นี้ที่คฤหาสน์มัลฟอยก่อให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งในตัวเดรโก มัลฟอย มุมหนึ่งเขารู้สึกตื่นเต้นกับข้อมูลลับที่รู้กันว่าโวลเดอมอร์หวนคืนอำนาจแล้ว อดีตอันรุ่งโรจน์ของครอบครัวที่พ่อเคยพรรณนาให้ฟังนั้นกำลังจะหวนคืนมาอีกครั้ง แต่ในอีกมุมหนึ่ง หัวข้อซุบซิบที่แฮร์รี่รอดพ้นเงื้อมมือจอมมารมาได้อีกคราก็ทำให้เดรโกเจ็บแปลบด้วยความโกรธและริษยา    ผู้เสพความตายไม่ชอบแฮร์รี่ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา เพราะมองแฮร์รี่ว่าเป็นทั้งอุปสรรคและสัญลักษณ์ที่ขึ้นหมายหัวไว้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่ตัวเดรโกเองกลับถูกมองว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเด็กอมมือที่ยังเรียนไม่จบในสายตาของพวกผู้เสพความตายที่มาธุระปะปังที่บ้านของเขา    แม้จะฝักใฝ่กันคนละฝ่าย แต่เดรโกก็ยังรู้สึกอิจฉาในสถานะของแฮร์รี่ แต่เขาก็ให้กำลังใจตัวเองด้วยการวาดฝันถึงชัยชนะของโวลเดอมอร์ ได้เห็นครอบครัวของตัวเองได้รับการเชิดชูเกียรติอีกครั้งภายใต้ระบอบการปกครองใหม่ และตัวเขาเองฉลองชัยที่ฮอกวอตส์ในฐานะลูกชายคนเก่งของสมุนมือขวาของโวลเดอมอร์

ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเดรโกดีขึ้นตอนอยู่ปีห้า แม้จะถูกห้ามไม่ให้พูดถึงสิ่งที่ได้ยินจากที่บ้านในฮอกวอตส์ แต่เดรโกพอใจจากชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาได้เป็นพรีเฟ็ค (แต่แฮร์รี่ไม่ได้เป็น) และโดโลเรส อัมบริดจ์ อาจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ดูจะเกลียดแฮร์รี่มากพอ ๆ กับเขา   เขาเข้าเป็นสมาชิกหน่วยสอบสวนของอัมบริดจ์ และทำหน้าที่ของตนในการตรวจสอบและค้นหาอะไรก็ตามที่แฮร์รี่กับกลุ่มนักเรียนนอกคอกพวกนั้นกำลังซ่องสุมทำกันในนามของกลุ่มฝึกฝนที่ก่อตั้งกันอย่างลับ ๆ และผิดกฎที่เรียกกันว่า กองทัพดัมเบิลดอร์     ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญของเดรโกคือตอนที่เขาต้อนแฮร์รี่และเพื่อนของเขาจนมุม แต่ในเวลาที่ดูเหมือนแฮร์รี่จะถูกอัมบริดจ์สั่งไล่ออกนั้นเองที่แฮร์รี่ดิ้นหลุดและรอดจากกำมือเขาไปได้ หนำซ้ำยังทำลายแผนของลูเซียส มัลฟอย ที่พยายามฆ่าแฮร์รี่ด้วยอีก เป็นเหตุให้พ่อของเดรโกถูกจับกุมและถูกส่งตัวไปคุกอัซคาบัน

โลกของเดรโกพังพินาศในตอนนั้น จากที่เคยเชื่อว่าตัวเองและพ่อของเขาอยู่บนจุดสูงสุดของผู้มีอำนาจและเกียรติศักดิ์มาตลอด แต่บัดนี้พ่อของเขาถูกพรากไปและโดนขังอยู่ในที่ไกลแสนไกลในคุกน่าสยองขวัญของพ่อมดที่รายล้อมด้วยฝูงผู้คุมวิญญาณ   ลูเซียสเป็นทั้งแบบอย่างและวีรบุรุษสำหรับเดรโกมาตั้งแต่เกิด แต่ตอนนี้เขาและแม่ต้องกลายเป็นพวกที่ถูกบรรดาผู้เสพความตายด้วยกันเหยียดหยาม เพราะลูเซียสเป็นเหมือนความผิดพลาดและจุดด่างพร้อยในสายตาอำมหิตของลอร์ดโวลเดอมอร์

เดรโกใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การกำกับบัญชาและคุมเข้มมาจนถึงจุดนี้ เขาเคยเป็นเด็กชายที่ได้รับการประคบประหงมเป็นพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ในโลกโดยให้มีเรื่องกวนใจน้อยที่สุด   แต่บัดนี้พ่อของเขาจากไปแล้ว และแม่ของเขาก็ตกอยู่ในความหวาดหวั่นกระวนกระวาย ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องแบกภาระของลูกผู้ชาย

แต่สิ่งเลวร้ายก็มาถึง โวลเดอมอร์มองหาวิธีลงโทษ ลูเซียส มัลฟอย ให้สาสมกับความล้มเหลวในการจัดการกับแฮร์รี่ เขาประสงค์ให้เดรโกทำงานชิ้นยากที่ไม่ต้องคิดเลยว่าต้องล้มเหลวแน่นอนและเขาต้องแลกมันด้วยชีวิต   เดรโกต้องลงมือสังหารอัลบัส ดัมเบิลดอร์ โดยที่โวลเดอมอร์ไม่บอกว่าต้องทำอย่างไร  เดรโกถูกปล่อยให้จัดการด้วยตัวเอง และนาร์ซิสซาก็คาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่าลูกชายของเธอถูกจับตรึงไว้กับความล้มเหลวโดยพ่อมดผู้ไร้ความเมตตาและยอมรับความล้มเหลวไม่ได้

เพราะแค้นเคืองโลกนี้ที่ไม่แยแสพ่อของเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เดรโกจึงเข้าเป็นสมาชิกผู้เสพความตายอย่างเต็มตัวและตกลงที่จะทำฆาตกรรมตามบัญชาของโวลเดอมอร์ ซึ่งเดิมทีเป็นการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะแก้แค้นและทำให้พ่อของเขากลับมาเป็นคนโปรดของโวลเดอมอร์อีกครั้ง แต่เดรโกมีความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาเพียงน้อยนิด  เขารู้แค่ว่าดัมเบิลดอร์เป็นตัวแทนของทุกอย่างที่พ่อผู้ถูกขังจงเกลียดจงชัง เดรโกตีกรอบความคิดให้ตัวเองอย่างง่ายดายว่าโลกคงน่าอยู่กว่านี้หากไร้ซึ่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฮอกวอตส์ผู้นี้ ผู้ที่คอยปลุกระดมผู้คนให้ต่อต้านโวลเดอมอร์มาโดยตลอด

การเป็นทาสความคิดที่เห็นตัวเองเป็นผู้เสพความตายจริง ๆ ส่งผลให้เดรโกออกเดินทางไปฮอกวอตส์ด้วยความรู้สึกลุกโชนที่จะทำตามเป้าหมาย   เมื่อทุกอย่างดำเนินไป เขาพบว่าภารกิจของเขายุ่งยากกว่าที่คิด หลังจากที่เกือบจะฆ่าคนอื่นถึงสองคนแทนที่จะเป็นดัมเบิลดอร์เพียงคนเดียว ความกล้าหาญของเดรโกก็เริ่มลดน้อยถอยลง   และเพราะตระหนักถึงภัยคุกคามที่ค้ำคอครอบครัวของเขาและตัวเองอยู่นั้น เดรโกจึงเริ่มแตกสลายภายใต้แรงกดดัน ความคิดของเดรโกเกี่ยวกับตัวเองและตำแหน่งที่ยืนบนโลกของเขาเริ่มบุบสลาย     ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาเลื่อมใสในตัวของพ่ออย่างไม่ลืมหูลืมตาในการสนับสนุนการใช้ความรุนแรงและไม่กลัวที่จะต้องใช้มันด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ลูกชายของพ่อกลับพบว่าตนไม่มีความสมัครใจที่จะลงมือฆ่า เขารู้สึกว่านี่คือความล้มเหลวที่น่าอับอาย ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถปลดแอกตัวเองจากสภาพนี้ได้ เขาปฏิเสธความช่วยเหลือจากเซเวอรัส สเนป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะกลัวว่าสเนปพยายามจะขโมย “ความรุ่งโรจน์” ไปจากเขา

แต่โวลเดอมอร์และสเนปประเมินเดรโกต่ำเกินไป เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาชำนาญการสกัดใจ (ศิลปะทางเวทมนตร์ที่ใช้ต่อต้านการอ่านใจ) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำภารกิจลับที่เขารับผิดชอบ หลังความพยายามที่จะเอาชีวิตดัมเบิลดอร์ถึงสองครั้ง เดรโกก็ประสบความสำเร็จในการวางแผนอย่างแยบยลในการนำกลุ่มผู้เสพความตายเข้ามาในฮอกวอตส์ โดยหวังผลว่าจะต้องสังหารดัมเบิลดอร์ได้อย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่ด้วยน้ำมือของเดรโกเองก็ตาม

แต่แม้ตอนเผชิญหน้ากับดัมเบิลดอร์ที่ทั้งอ่อนแอและไร้ไม้กายสิทธิ์ เดรโกก็ยังพบว่าตัวเองไม่สามารถหยิบยื่นความตายให้เหยื่อได้ แต่ในทางกลับกันเขากลับได้รับการแตะใจจากความเมตตาที่ดัมเบิลดอร์สงสารเขาที่ต้องฝืนใจเป็นฆาตกรจำเป็น   หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวสเนปได้ให้การปกป้องเดรโกในเรื่องนี้ ด้วยการไม่ปริปากบอกโวลเดอมอร์ว่าเดรโกลดไม้กายสิทธิ์ของตัวเองลงก่อนที่ตัวสเนปเองจะมาถึงยอดหอดูดาว   สเนปเลือกที่จะเป่าหูโวลเดอมอร์ว่าเดรโกได้แสดงทักษะในการลอบพาผู้เสพความตายเข้าไปในโรงเรียน และต้อนดัมเบิลดอร์จนมุมจนเอื้อให้สเนปลงมือสังหารได้

หลังจากนั้นลูเซียสก็ได้รับการปล่อยตัวจากคุกอัซคาบัน   ครอบครัวมัลฟอยมีอิสระที่จะกลับไปกินอยู่ในคฤหาสน์มัลฟอยอีกครั้ง แต่เวลานี้เกียรติยศของพวกเขาหมดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง     จากที่เคยฝันถึงสถานภาพอันสูงส่งภายใต้การปกครองใหม่ของโวลเดอมอร์ ครอบครัวมัลฟอยพบว่าตัวเองตกลงมาถึงจุดที่ต่ำต้อยที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาผู้เสพความตายด้วยกัน เป็นพวกอ่อนหัด ล้มเหลว และจากนี้ไปจะต้องถูกโวลเดอมอร์เยาะเย้ยและหยามเกียรติอยู่เป็นนิตย์

เดรโกเปลี่ยนไป แต่ยังคงสับสน ท่าทีนี้เริ่มเปิดเผยออกมาผ่านการกระทำของเขาขณะที่อยู่ท่ามกลางสงครามที่ยังดำเนินต่อไประหว่างโวลเดอมอร์กับบรรดาผู้ต่อต้าน   แม้เดรโกจะยังไม่ทิ้งความหวังของตัวเองที่จะนำพาครอบครัวกลับไปสู่สถานภาพสูงส่ง แต่ความรู้สึกที่อยากปลดแอกตัวเองจากเรื่องทั้งหมดนี้ก็เร้าใจให้เขา – แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม – แต่ก็พยายามอย่างถึงที่สุดในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ ในการช่วยแฮร์รี่จากเงื้อมมือของโวลเดอมอร์ในตอนที่เขาถูกจับมาขังที่คฤหาสน์มัลฟอย   หรือกระทั่งในการรบครั้งสุดท้ายที่ฮอกวอตส์ เดรโกก็ยังไม่ละความพยายามที่จะจัดการแฮร์รี่ให้อยู่หมัดด้วยหวังว่านั่นจะช่วยกู้เกียรติภูมิรวมถึงช่วยรักษาชีวิตให้ครอบครัวตนเองได้อีกสักครั้ง     และไม่ว่าเขาจะนำแฮร์รี่มามอบด้วยมือเขาเองได้หรือไม่ มันก็ยังมีจุดน่าถกเถียงที่ฉันสงสัยว่ามันจะเป็นเช่นเดียวกับการพยายามฆ่าดัมเบิลดอร์หรือเปล่า คือเดรโกจะพบความจริงอีกครั้งว่าการนำพาใครสักคนไปสู่ความตายในทางปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่าในทฤษฎีนัก

เดรโกรอดชีวิตจากการบุกโจมตีของโวลเดอมอร์ที่ฮอกวอตส์เพราะแฮร์รี่และรอนช่วยชีวิตเขาไว้ ภายหลังสงครามพ่อของเขาพยายามเลี่ยงการเข้าคุกด้วยการให้หลักฐานเพื่อตามตัวผู้เสพความตาย โดยรับประกันว่าจะจับกุมผู้ติดตามโวลเดอมอร์ที่หนีไปซ่อนตัวได้หลายคน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นตอนปลายนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเดรโกไปตลอดกาล เขาเคยมีความศรัทธาในสิ่งซึ่งทำให้เขาเติบโตขึ้นมาบนความท้าทายในเส้นทางที่น่าใจหายที่สุด เขาเคยเผชิญความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เห็นพ่อแม่ทนทุกข์จากความภักดีของพวกเขา และเห็นการล่มสลายทั้งหมดของสิ่งซึ่งครอบครัวให้ความศรัทธา   บุคคลที่เดรโกเคยตราหน้าหรือถูกล้างสมองให้เกลียดชังอย่างดัมเบิลดอร์กลับกลายเป็นคนที่หยิบยื่นความช่วยเหลือและความกรุณาให้เขา แม้แต่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เองก็ได้ช่วยชีวิตเขาไว้     หลังเหตุการณ์สงครามในโลกเวทมนตร์ครั้งที่สองสิ้นสุดลง ลูเซียสก็พบว่าลูกชายของเขายังน่ารักใคร่เหมือนเช่นเคย แต่ปฏิเสธทัศนคติที่จะเดินตามเส้นทางเดิมของพวกเลือดบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว

เดรโกแต่งงานกับ แอสโตเรีย กรีนกราส น้องสาวของเพื่อนร่วมบ้านสลิธีริน ผู้ผ่านอะไรมาคล้ายกัน (แต่รุนแรงและน่ากลัวน้อยกว่า) ที่ทำให้อุดมการณ์เรื่องเลือดบริสุทธิ์เปลี่ยนไปในทางที่รู้จักอะลุ้มอล่วยมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้นาร์ซิสซาและลูเซียสรู้สึกผิดหวังกับลูกสะใภ้คนนี้พอสมควร เพราะพวกเขาหวังไว้สูงกับลูกสะใภ้ที่มาจากครอบครัวหนึ่งใน “ยี่สิบแปดสกุลศักดิ์สิทธิ์” แต่กลับกลายเป็นแอสโตเรีย ผู้ไม่ได้พร่ำสอนสกอร์เปียส หลานชายของพวกเขาว่ามักเกิ้ลเป็นพวกเศษสวะเหมือนอย่างที่เคยเชื่อกันมา ด้วยเหตุนี้การพบปะรวมญาติของครอบครัวจึงมักเต็มไปด้วยความตึงเครียดอยู่เนือง ๆ


แนวคิดของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง

เมื่อหนังสือชุดนี้เริ่มต้นขึ้น เดรโกมีแทบทุกอย่างที่อันธพาลควรจะมี จากความเชื่ออย่างไร้ข้อกังขาว่าตนมีสถานะเหนือกว่าปุถุชนทั่วไปเพราะสืบเชื้อสายจากพ่อแม่ที่เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ เขาเริ่มต้นผูกมิตรกับแฮร์รี่อย่างเสแสร้งเพียงเพราะอยากเห็นการเสแสร้งนั้นได้รับการยอมรับ   ความมั่งคั่งของครอบครัวเขานั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความอนาถาของพวกวีสลีย์ ซึ่งทำให้เดรโกยิ่งหยิ่งผยองได้ใจ แม้ว่าจริง ๆ แล้วสถานภาพทางสายเลือดของครอบครัววีสลีย์กับครอบครัวของเขานั้นแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

ทุกคนจดจำเดรโกได้เพราะทุกคนล้วนต้องเคยเจอใครสักคนที่นิสัยเหมือนเขา อย่างเช่นพวกที่คิดว่าตัวเองใหญ่แล้วไม่ต้องเกรงใจใคร จะเย้ยหยันหรือข่มขู่ใครก็ได้ตามแต่สถานการณ์แวดล้อมจะอำนวย    เดรโกเป็นยอดฝีมือในการตอกย้ำความรู้สึกแบบนี้ให้แก่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ในหลายครั้งหลายคราวนัก

บรรณาธิการชาวอังกฤษของฉันตั้งคำถามว่าทำไมเดรโกถึงมีทักษะการสกัดใจที่เก่งนัก เมื่อเทียบกับแฮร์รี่ที่ไม่เอาไหนเสียจริง ๆ (แม้จะสามารถเสกผู้พิทักษ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยก็เถอะ) ซึ่งฉันก็โต้กลับไปว่ามันสอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับลักษณะนิสัยของเดรโกอยู่แล้วที่เขาจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้อยู่หมัด และแบ่งแยกรวมถึงยับยั้งเนื้อแท้ของตัวเองออกไปได้    แต่ก็อย่างที่ดัมเบิลดอร์บอกแฮร์รี่ในตอนท้ายของภาคภาคีนกฟีนิกซ์ว่าการรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ ฉันพยายามแสดงให้เห็นในกรณีของเดรโกว่าการปฏิเสธความทุกข์ทรมานและการหยุดยั้งความขัดแย้งภายในทำให้คน ๆ นั้นได้รับความบอบช้ำมากขนาดไหน (ซึ่งมีแนวโน้มอย่างมากที่จะสร้างความบอบช้ำเสียหายแก่ผู้อื่นได้ด้วย)

ในช่วงสำคัญที่สุดของเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เดรโกไม่เคยรับรู้เลยว่าตนเองได้เป็นนายที่แท้จริงของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ซึ่งดีแล้วที่เขาไม่รู้ เหตุผลหนึ่งก็เพราะจอมมารเชี่ยวชาญทักษะการพินิจใจอย่างมากและอาจปลิดชีพเดรโกได้ในชั่วอึดใจหากเขาระแคะระคายความจริงนี้ขึ้นมา   และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ แม้จะมีจิตสำนึกที่ดีอยู่ แต่เดรโกก็สามารถตกเป็นเหยื่อการล่อลวงของความรุนแรงและกระหายอำนาจที่เขาได้รับการเพาะบ่มมานานนมได้ทุกเมื่อ

ฉันรู้สึกสงสารเดรโกเช่นเดียวกับที่รู้สึกเสียใจกับดัดลีย์ การเติบโตมาในครอบครัวมัลฟอยและเดอร์สลีย์ถือเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ และเดรโกก็ประสบความทุกข์แสนสาหัสซึ่งเป็นผลโดยตรงจากแนวคิดที่ผิด ๆ ของครอบครัว อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ช่วยครอบครัวมัลฟอยไว้ก็คือความรักที่พวกเขามีให้แก่กัน เดรโกถูกผลักดันค่อนข้างมากด้วยความหวาดกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวและตัวเขาเอง และนาร์ซิสซาก็เทหมดหน้าตักที่เธอมีในตอนที่โกหกโวลเดอมอร์ว่าแฮร์รี่สิ้นใจแล้วในตอนจบของเครื่องรางยมทูต เพียงเพื่อเธอจะได้เข้าไปตามหาลูกชายของเธอ

จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้เอง เดรโกจึงเป็นบุคคลที่มีศีลธรรมซับซ้อนที่สุดในหนังสือทั้งเจ็ดเล่ม  และฉันอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่าฉันเองตกใจทุกครั้งที่เห็นว่านักอ่านสาว ๆ พากันหลงใหลตัวละครนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ (ฉันไม่ได้พูดถึงมาดทรงเสน่ห์ของ ทอม เฟลตัน ผู้แสดงเป็นเดรโกในภาพยนตร์ได้อย่างสมบทบาทนะ และต้องพูดเลยว่าเขาคือพ่อหนุ่มแสนดีที่อยากแนะนำให้คุณรู้จักจริง ๆ) เดรโกมีเสน่ห์แบบด้านมืดตามประสาผู้ร้าย ซึ่งสาว ๆ มีแนวโน้มลุ่มหลงคนแบบนี้มากทีเดียว   ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันละล้าละลังที่จะดับฝันแฟนนักอ่านผู้คลั่งไคล้ ด้วยแนวคิดจากสามัญสำนึกอันเยือกเย็นโหดร้ายนี้ว่า เดรโกไม่ได้ซุกซ่อนหัวใจที่บริสุทธิ์ดั่งทองคำเอาไว้ใต้การเย้ยหยันและอคติของเขา และไม่เลย เขาและแฮร์รี่ไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในท้ายที่สุด

ฉันจินตนาการไว้ว่าเดรโกจะเติบโตขึ้นมาเป็นเหมือนพ่อของตนในเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว เขาจะมีอิสรภาพทางการเงิน มั่งคั่งโดยไม่ต้องทำงาน และครอบครองคฤหาสน์มัลฟอยร่วมกับภรรยาและบุตรชาย ฉันยังนึกไปถึงงานอดิเรกบางอย่างที่สะท้อนถึงตัวตนสองด้านของเขาด้วย นั่นคือการสะสมบรรดาวัตถุซึ่งเกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดอันมีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของครอบครัว แต่เป็นการเก็บไว้ในครอบแก้วเฉย ๆ โดยไม่ได้นำออกมาใช้   นอกจากนี้เดรโกยังมีความสนใจศึกษาตำราเล่นแร่แปรธาตุเป็นพิเศษด้วยแม้จะไม่ได้มีความพยายามที่จะสร้างศิลาอาถรรพ์ขึ้นมาก็ตาม ซึ่งนั่นบอกใบ้ว่าเขาอยากได้บางสิ่งนอกเหนือจากความมั่งคั่ง ซึ่งน่าจะอยากเป็นคนดีกว่าที่เป็นอยู่นั่นเอง ฉันตั้งความหวังไว้สูงว่าเขาจะเลี้ยงดูสกอร์เปียสให้เป็นเด็กมัลฟอยที่มีจิตใจดีและรู้จักอะลุ้มอล่วยมากกว่าตัวเองตอนที่เป็นวัยรุ่น

มีนามสกุลที่ฉันคิดไว้ให้เดรโกเยอะมากก่อนจะมาลงเอยที่ “มัลฟอย”   บ่อยครั้งที่นามสกุลของเขาปรากฏในร่างฉบับแรก ๆ เป็น สมาร์ท (Smart), สปิงค์ส (Spinks) หรือ สปันเจ็น (Spungen) ชื่อต้นของเขามาจากชื่อกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่ง – กลุ่มดาวมังกร – และแกนกลางไม้กายสิทธิ์ของเขาก็คือขนของยูนิคอร์น

ซึ่งนั่นมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ เพราะในท่ามกลางธรรมชาติอันร้อนระอุไม่น่าพิสมัย ก็ยังมีความดีที่ไม่เคยจางหายอยู่ ณ กลางหัวใจของเดรโก


ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: https://www.pottermore.com/writing-by-jk-rowling/draco-malfoy

ขอบคุณพี่แชมป์ที่ช่วยตรวจทานและเกลาความถูกต้องและสละสลวยของงานแปลนี้ครับ และแอ๋มที่ช่วยให้เห็นคำดีๆ จากมุมของสาวๆ ผู้ชื่นชอบเดรโก มัลฟอย ^^