ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์: ละครเวที Harry Potter and the Cursed Child รอบการแสดงที่นิวยอร์ค

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน คราวนี้พี่ลิลี่จะมาเล่าเรื่องทริปที่ไปดูละครเวที Harry Potter and the Cursed Child รอบการแสดงที่บรอดเวย์ นิวยอร์คให้อ่านกันค่ะ โดยพี่ลิลี่เลือกไปดูละครเวทีเรื่องนี้ในวันพุธที่ 7 พฤศจิกายนแบบทั้งวันเลยค่า ดู 2 พาร์ทให้จบในวันเดียวไปเลย และด้วยความที่ว่าไปเที่ยวนิวยอร์คประมาณ 1 สัปดาห์ เลยมีโอกาสไปแวะโรงละครแทบทุกวันเลยค่ะ เรียกได้ว่าเก็บทุกอย่าง ทั้งซื้อของ ทั้งดูละครเวที และไปล่าลายเซ็นนักแสดงหลังแสดงกันเสร็จเลยจ้า เอาล่ะ!! เม้าท์มอยพอเป็นน้ำจิ้มกันมาขนาดนี้แล้ว มาลงรายละเอียดขั้นตอนแต่ละด่านที่พี่ลิลี่ฝ่าฟันจนได้ไปดูละครเวทีกันดีกว่า เริ่ม!!

*ก่อนไปดูละครเวที*

ประเด็นแรกที่ต้องพูดถึงก่อนเลยก็คือ ทำไมพี่ลิลี่ถึงเลือกไปดูที่นิวยอร์ค (ซึ่งเป็นแห่งที่สองที่เปิดการแสดง) แทนที่จะไปดูที่ลอนดอน จริง ๆ ก็เป็นเพราะ 2 เหตุผลหลักค่ะ คือ

1.อยากดูนักแสดงแคสท์แรกทั้ง 7 คนที่มาจากอังกฤษ ก็แหม! พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ถูกคัดตัวให้มารับบทเลยนะ และ 7 คนที่ว่าก็คือ
Jamie Parker (รับบทแฮร์รี่ พอตเตอร์)
Paul Thornley (รับบทรอน วีสลีย์)
Noma Dumezweni (รับบทเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์)
Alex Price (รับบทเดรโก มัลฟอย)
Poppy Miller (รับบทจินนี่ พอตเตอร์)
Sam Clemmett (รับบทอัลบัส เซเวอรัส พอตเตอร์)
Anthony Boyle (รับบทสกอร์เปียส มัลฟอย)

2.เพราะมีวีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศสหรัฐอเมริกายาว 10 ปีอยู่แล้ว ถ้าไปดูที่อังกฤษก็ต้องเสียเงินทำวีซ่าใหม่สิ ต้องประหยัดงบเพื่อซื้อของจ้า ฮ่า ๆ อีกอย่างไปนิวยอร์คทั้งทีก็จะได้ตามเก็บทำเลสถานที่ที่เกี่ยวโยงกับหนัง Fantastic Beasts and Where to Find Them ด้วยเลยจ้า

ทีนี้พอตั้งมั่นเรียบร้อยแล้วว่าจะไปดูที่ไหน ก็ต้องหาทางซื้อตั๋วละครเวทีค่ะ เบื้องต้นใครอยากไปดูละครเวทีรอบ Broadway, New York ก็ให้ไปซื้อตั๋วที่เว็บทางการตามนี้เลยค่ะ https://www.harrypottertheplay.com/us/

แต่กรณีพี่ลิลี่นั้นคือล่าตั๋วมาตั้งแต่เปิดจองรอบแรกเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2017 ที่มีให้ลงทะเบียนอีเมลรับรหัสเพื่อชิงสิทธิ์ซื้อตั๋วก่อนค่ะ แต่ปัญหาก็คือรอบแรกบุญของเราไม่ถึงจ้า ไม่ได้รหัสเลยสักอีเมล นกฟีนิกซ์ขั้นรุนแรงเลย ทีนี้พอต่อมาก็มีรอบสองให้ลงทะเบียนอีเมลแบบเดิมค่ะ ช่วงประมาณปลายเดือนมกราคม 2018 แล้วมีประกาศผลว่าได้รหัสไหมตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2018 งวดนี้ต้องเอาให้ได้เลยเล่น 4 อีเมลเลยจ้า ดึงเอาอีเมลของพ่อกับน้องมาช่วยด้วยเลย สุดท้ายผลออกมาได้รหัสสำหรับจองตั๋วทั้ง 4 อีเมลเลย ฟลุ๊คมาก! แต่คือไปแค่คนเดียวไง รหัสที่เหลืออีก 3 เลยแจกจ่ายให้เพื่อนแทน (1 ในนั้นคือแอดมินโฟล์คจากเพจโบกนิดสะบัดหน่อย) 

พอถึงวันเวลาจองตั๋วทางเว็บ ซึ่งเป็นระบบการจองออนไลน์ผ่านทาง Ticketmaster ตามรอบคิวการเข้าจองในระยะเวลาที่กำหนด เป็นการจองแบบใครเร็วใครได้ด้วยนะ ปรากฏว่าตัวเลือกราคาที่เล็งอยากได้ขายหมดแล้วจ้า (ก็คนรอบแรกจองหมดอ่ะ) เลยตัดสินใจเลือกราคาถูกลงจากเป้าหมายเดิม นั่งไกลกว่าเดิม (ได้ที่นั่งโซน Dressing เป็นที่นั่งช่วงตรงกลาง) แต่ดูจากตำแหน่งที่นั่งก็เห็นโอเคอยู่นะ และเลือกดูวันพุธที่ 7 พฤศจิกายนแบบทั้งวันครบ 2 พาร์ท โดยเอาราคาตั๋ว 40 ดอลลาร์ทั้ง 2 พาร์ท พอรวมค่าภาษีอะไรอีกก็จ่ายเบ็ดเสร็จไป 102 ดอลลาร์ค่ะ

หมายเหตุ:
1.วันแสดงจะมีแค่ 5 วันต่อสัปดาห์ (หยุดวันจันทร์-วันอังคาร) โดยวันพุธ วันเสาร์ วันอาทิตย์จะมี 2 พาร์ทเลย โดยพาร์ทแรกจะเริ่มบ่าย 2 และพาร์ทสองจะเริ่ม 1 ทุ่มครึ่ง ส่วนวันพฤหัสจะมีแสดงแค่พาร์ทแรกตอน 1 ทุ่มครึ่ง และวันศุกร์มีแสดงแค่พาร์ทสองตอน 1 ทุ่มครึ่งค่ะ
2.ความยาวของพาร์ทแรกคือ 2 ชั่วโมง 40 นาที และความยาวของพาร์ทสองคือ 2 ชั่วโมง 35 นาที โดยรวมเวลาพักเบรกแล้ว
3.ราคาตั๋วมีหลากหลายราคาค่ะ เลือกตามกำลังทรัพย์เลย เช็คในเว็บตอนจองเลยค่ะ
4.การเดินทางมาโรงละครลีริค (Lyric Theatre) หลัก ๆ ก็นั่งรถไฟใต้ดินนิวยอร์คแหละค่ะ จะนั่งสายไหนก็ได้มาลงที่ย่านไทม์สแควร์ (Times Square) แล้วเดินไปที่โรงละครเลย

*ถึงเวลาลุย*

1.ดูละครเวที

ก่อนละครเวทีจะเริ่ม แน่นอนว่าจะต้องไปเอาตั๋วก่อน โดยในกรณีที่เราเป็นชาวต่างชาติ แนะนำว่าให้ทำแบบพี่ลิลี่เลย คือตอนเราซื้อตั๋วทางเว็บออนไลน์เรียบร้อยได้อีเมลยืนยันมาแล้วก็ให้ปริ๊นท์ใบเสร็จที่ได้พกมาด้วย แล้วก็ไปที่ Box Office หน้าทางเข้าโรงละครลีริคค่ะ ไปยื่นใบเสร็จที่ว่าให้เจ้าหน้าที่แล้วก็ออกตั๋วที่เป็นบัตรกระดาษแข็งค่ะ 

อ่อ แนะนำว่าถ้าไปแลกก่อนวันแสดงก็ดีนะ อย่างวันจันทร์-วันอังคารที่ไม่มีการแสดงก็ได้ จะได้ไม่ต้องต่อแถวยาว หรือมีอะไรผิดพลาด ที่สำคัญจะได้มีเวลาเดินอ้อมไปด้านหลังอาคารโรงละครที่มีร้านขายสินค้าเกี่ยวกับละครเวทีนี้ด้วย ช้อปปิ้งตอนคนไม่เยอะลั้นลาดีเลยค่ะ

ทีนี้พอถึงวันดูการแสดง ก็ให้มาก่อนเวลาแสดงสัก 1 ชั่วโมงก็ดีค่ะ อย่างกรณีพี่ลิลี่ดู 2 พาร์ทในวันเดียว การแสดงพาร์ทแรกเริ่มบ่าย 2 ก็มาสักบ่ายโมงก็ได้ จะได้มีเวลาถ่ายรูปไรงี้ ผูกมิตรกับพอตเตอร์เฮดคนอื่นแถวหน้าโรงละครงี้ อีกอย่างต้องต่อแถวตรวจกระเป๋าสัมภาระด้วยนะ พอผ่านด่านพวกนี้ได้แล้ว ก็เข้าด้านในอาคารโรงละครเลยค่ะ

ด้านในโรงละครตกแต่งสวยมาก เพดานเอย เสาคอลัมน์เอย แล้วก็มีของขายด้วยนะ ก็ของกินทั่วไปนั่นแหละ แล้วก็สินค้าเหมือนในร้านค้าของโรงละครค่ะ แล้วก็มีบอร์ดไม้แจ้งรายชื่อทีมงานและนักแสดงในรอบแสดงวันนั้น ๆ ด้วย อ่อ! มีจุดถ่ายรูปที่เป็นห้องภาพวาดผู้พิทักษ์ด้วยนะ สวยดี ถ้าอยากใช้เวลากับเรื่องพวกนี้เยอะก็ต้องเผื่อเวลากันหน่อยนะ

พอถึงเวลาเข้าดูการแสดงจะมีประกาศเรียกให้เข้าฮอลล์โรงละครค่ะ เขาจะแจ้งให้ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ และงดการถ่ายรูป-อัดวีดีโอระหว่างการแสดงด้วย (แต่ถ้าการแสดงยังไม่เริ่มหรือจบแล้วจะถ่ายนิดหน่อยก็พอได้อยู่) อ่อ! ใครได้ที่นั่งโซนไหนก็ไปเข้าประตูโซนที่นั่งตัวเองนะ อย่างพี่ลิลี่ได้ที่นั่งโซน Dressing ก็ต้องขึ้นไปชั้นบน ก่อนเข้าไปในฮอลล์โรงละคร ที่หน้าประตูจะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกหนังสือโชว์บิล (ฟรี) รายละเอียดของรอบการแสดงนั้นด้วยค่ะ

และจากการสังเกตสัญญาณมือถือของพี่ลิลี่ทั้ง 2 เครื่องที่รับสัญญาณเครือข่ายได้ระบบต่างกัน (T-Mobile กับ AT&T) ก็ได้ข้อสรุปว่าสัญญาณในฮอลล์โรงละครเน่ามากค่า เล่นอินเตอร์เน็ตไม่รอดค่า

ทีนี้พอดูจบพาร์ทแรก เจ้าหน้าที่เขาจะเคลียร์โรงละครเตรียมตัวสำหรับรอบแสดงพาร์ท 2 ตอน 1 ทุ่มครึ่ง เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราออกจากโรงละครไปก่อน ซึ่งช่วงรอพาร์ทต่อไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า เราก็ไปเดินเที่ยวเล่นหาอาหารเย็นกินย่านไทม์สแควร์รอไปค่ะ แล้วสัก 6 โมงครึ่งหรือเกือบ 1 ทุ่มค่อยกลับมาต่อแถวเข้าโรงละครอีกที อ่อ! อีกอย่างอย่าลืมเอาเข็มกลัดฟรีหลังดูการแสดงจบแต่ละพาร์ทด้วยนะ ก็คือต้องได้ 2 อันเลย ลายต่างกันนะ ขอจากเจ้าหน้าที่เลย และสำหรับรอบพาร์ท 2 สินค้าที่เอาออกมาขายก็จะคุมธีมแนวดาร์ก มีเสื้อตรามารอะไรงี้ด้วย

[ความเห็นส่วนตัวของพี่ลิลี่ต่อเรื่องโปรดักชั่นละครเวที]

ตัวเนื้อเรื่องก็เป็นไปตามหนังสือละครเวที Harry Potter and the Cursed Child ที่เราซื้อมาอ่านทั้งหมดเลยค่ะ แต่ละพาร์ทแบ่งช่วงแสดงยังไง จบตอนไหนตามนั้นเลย อันนี้จะไม่ลงรายละเอียดย่อยนะ ใครยังไม่ได้ซื้อหนังสือก็ไปซื้อซะล่ะ แต่ถึงจะอ่านหนังสือกันมาก่อน การดูละครแสดงสดถือว่าฟินกว่ามากกกกกกกกกกกก ก ไก่ล้านตัว เพราะเอฟเฟกท์เอย ซาวด์ดนตรีเอย ว่าง่าย ๆ ว่า โปรดักชั่นต่าง ๆ จัดเต็ม อลังการงานสร้างมากค่า เล่นเอาพี่ลิลี่ดูไปยิ้มไปเลย 

เอฟเฟกท์เด่น ๆ เลยก็เช่น การเปลี่ยนตัวละครที่เร็วมากเหมือนมีเวทมนตร์จริง ๆ จังหวะการสะบัดเสื้อผ้าคลุมไรงี้พลิ้วดีมาก แล้วไหนจะตอนช่วงย้อนเวลาเนี่ยคือเจ๋งอ่ะ มันจะมีนาฬิกาหน้าฉากเวทีหมุนไปด้วย แล้วจากนั้นหน้าฉากเวทีก็จะกระเพื่อม วึ่ม!! คือแบบว้ายยยยยยย ทำไงเนี่ย!! พี่ลิลี่นั่งอยู่แถวด้านหลังแถมใส่แว่นตาอีกจับผิดไม่ได้จ้า แต่ชอบมาก ๆ กระเพื่อม วึ่ม!! 

เอ้อ!! แล้วอย่างฉากทะเลสาบนี่แบบ เฮ้ย!! พื้นเวทีเปิดได้ มีสระน้ำเล็ก ๆ ซ่อนอยู่จ้า จริง ๆ พื้นเวทีมีเอฟเฟกท์อื่นอีกนะ เช่น หมุนเป็นแกนวงกลม และฉากต่าง ๆ การเลื่อนเข้าออกคือดีมาก นักแสดงซ้อมคิวมาดีสุด ๆ แถมมีผู้คุมวิญญาณลอยบนเพดานมาโผล่หาผู้ชมด้วยจ้า ยังค่ะยังไม่พอ!! ผนังและเพดานมีฉายคำพยากรณ์ของเดลฟีอีก โอ๊ยยยยย!! เล่นทุ่มทุนสร้างสุด ๆ คุ้มกับเงินที่เสียไปจริง ๆ 

ส่วนดนตรีประกอบก็บิ๊วท์อารมณ์ดีมากค่า ยิ่งช่วงพาร์ท 2 หลังจากที่สกอร์เปียสกลับมาเจอ Voldemort Day แล้วเนื้อเรื่องก็มาโทนดาร์กเลยนะ แหม! ทำนองดนตรีบิ๊วท์ได้ทรงพลังมากอ่ะ

คนดูก็อินตามเยอะนะ มีส่งเสียงร้องโห่เวลาอัมบริดจ์โผล่เอย เวลาอัลบัสกับสกอร์เปียสเข้าคู่กันก็จะฟินด้วย คือแบบช่วงที่ 2 คนต้องแยกจากกันนี่แบบ อีกนิดนี่จะโรมีโอแอนด์จูเลียตแล้วค่า

นักแสดงทุกคนคือแสดงได้อารมณ์มากจริง ๆ อินเนอร์เป๊ะมาก อย่างบทเมอร์เทิลนี่แบบตอนอ่านหนังสือก็ว่าตลกแล้วนะ แต่พอมาดูการแสดงที่ได้เห็นอินเนอร์แอคติ้งนักแสดงเข้าไปอีก มันก็จะแบบว่า โอ๊ยยยยยย!! เมอร์เทิลอย่าแรดให้มันมากนักสิยะ!!

และช่วงจบในแต่ละพาร์ทก็จะมีการปรบมือให้ อันที่จริงคือยืนปรบมือให้เป็น Standing Ovation กันเลยทีเดียว อีกอย่างในช่วงท้ายตอนจบการแสดงพาร์ท 2 นักแสดงมีบอกด้วยนะว่ากรณีใครอยากได้หนังสือ Showbill ที่รวมลายเซ็นนักแสดงทุกคนแล้วก็ซื้อได้นะ แต่พี่ลิลี่ไม่ได้ซื้อจ้า ขอเลือกล่าลายเซ็นตามดวงดีกว่า

สำหรับนักแสดงในแต่ละวันจะมีไม่เหมือนกันบ้างนะคะ อย่างรอบที่ได้ไปดูเนี่ย น่าเสียดายที่ Paul Thornley ที่เป็นนักแสดงหลักที่รับบทรอน วีสลีย์ลาพักสัปดาห์ที่เราไปดูอ่ะ เลยมีนักแสดงแทนที่ชื่อว่า David Abeles มารับบทรอนแทนค่า

2.ล่าลายเซ็นนักแสดงหลังการแสดงจบ

สำหรับภารกิจนี้บอกเลยว่าไม่ควรพลาดค่ะ!! อย่างที่บอกไปว่าใน 1 สัปดาห์จะมีการแสดง 5 วัน โดยใน 5 วันนี้จะมีวันที่นักแสดงออกมาแจกลายเซ็นทั้งหมด 4 วัน ซึ่งก็คือวันที่มีการแสดงพาร์ท 2 จบได้แก่ วันพุธ วันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ 

เมื่อการแสดงจบช่วงราว ๆ 4 ทุ่ม ก็ให้เราออกไปเตรียมตัวต่อแถวที่หน้าทางเข้าอาคารโรงละครลีริคได้เลย พอสักประมาณ 4 ทุ่ม 15 นาทีนักแสดงบางส่วนก็จะทยอยออกมาแจกลายเซ็นค่ะ ซึ่งนักแสดงจะมีปากกาติดตัวมาเลย เราจะขอถ่ายรูปด้วยก็ได้นะ แต่ด้วยความว่าคิวก็ยาวเนอะ เพราะงั้นจังหวะเซลฟี่ต้องเป๊ะให้ทันจ้า ส่วนพี่ลิลี่นั้นหลายออปชั่นค่ะ แบบว่าโลภ ฮ่า ๆ ให้เซ็นลงหนังสือด้วย เซ็นลงโปสการ์ดอีก 3 ใบ (ของพี่ลิลี่ 1 ใบกับของโฟล์ค 2 ใบ) และถ่ายรูปด้วยอีก

ส่วนในแต่ละวันนักแสดงจะออกมาแจกลายเซ็นเยอะไหม และใครจะออกมาบ้างนี่คือดวงล้วน ๆ เลยค่า (แต่หลาย ๆ เสียงบอกว่า เจมี่ พาร์คเกอร์ที่รับบทแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ค่อยออกมาเซ็นนะ) อย่างคราวพี่ลิลี่ล่าลายเซ็นเนี่ย วันศุกร์กับวันอาทิตย์นักแสดงจะออกมาเซ็นเยอะมากค่ะ 10 กว่าคนได้

สรุปแล้ว 4 วันได้ถ่ายรูปกับนักแสดงทั้งหมด 12 คน (จริง ๆ ลืมถ่ายกับนักแสดงสมทบอยู่คนนึงด้วย) ตามรูปภาพด้านล่าง เรียงจากภาพแรกถึงภาพสุดท้ายแบบซ้ายไปขวา บนลงล่างเลยนะคะ

ภาพแรก

Sam Clemmett (รับบทอัลบัส เซเวอรัส พอตเตอร์), Anthony Boyle (รับบทสกอร์เปียส มัลฟอย), Noma Dumezweni (รับบทเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์), Poppy Miller (รับบทจินนี่ พอตเตอร์)

ภาพสอง

Benjamin Wheelwright (รับบท เซดริก ดิกกอรี่, เจมส์ พอตเตอร์ ทั้ง 2 รุ่น), Kathryn Meisle (รับบทเพ็ตทูเนีย เดอร์สลีย์, มาดามฮูช, โดโลเรส อัมบริดจ์), Edward James Hyland (รับบทเอม็อส ดิกกอรี่, อัลบัส ดัมเบิลดอร์), Jack Hatcher (รับบทแฮร์รี่ พอตเตอร์วัยเด็ก)

ภาพสาม

James Brown III (รับบทรูเบอัส แฮกริด), Lauren Nicole Cipoletti (รับบทเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ, ลิลี่ พอตเตอร์ – แม่ของแฮร์รี่), David Abeles (รับบทรอน วีสลีย์ – เป็นนักแสดงสำรองบทนี้), Jessie Fisher (รับบทเดลฟี ดิกกอรี่)

และถ้าจะให้พูดถึงนักแสดงนะ แต่ละคนดีอ่ะ ค่อนข้างเฟรนลี่เลย อย่างแอนโทนี่ บอยล์ที่รับบทสกอร์เปียสก็น่ากรี๊ดมาก (กรี๊ดคนที่เด็กกว่าไม่เป็นไรเนอะ ฮ่า ๆ) ได้เจอ 2 วัน ได้ถ่ายรูปทั้งแบบเต็มตัวด้วย แล้วก็ถ่ายรูปเซลฟี่ด้วย ฟินค่ะ และหนุ่มอีกคนที่ชื่อเบนจามิน วีลไรท์ที่รับบทเซดริก ดิกกอรี่ กับเจมส์ พอตเตอร์ทั้งสองรุ่นก็น่ากรี๊ดเช่นกันค่า (เจอ 3 วัน ถ่ายรูปกับน้องทั้ง 3 วันเลยจ้า ฮ่า ๆ) อ่อ! และก็ได้เจอแซม เคล็มเม็ตต์ที่รับบทอัลบัส เซเวอรัสด้วยรอบนึงค่า

นอกจากนี้ก็มีประทับใจมาก ๆ อีก 2 คนนะ คนแรกก็คือโนมาที่รับบทเฮอร์ไมโอนี่ นางน่ารักนะคะ ปกตินักแสดงคนอื่นจะออกจากประตูแล้วก็เดินเซ็นไปตามทางจนสุดทาง แต่โนมาออกมาจะวิ่งไปที่สุดทางก่อนแล้วไล่แจกลายเซ็นมาถึงประตู ประมาณว่าจะได้ไม่ออกันเป็นกระจุกไรงี้ แล้วแบบดีใจอ่ะ นางจำเราได้ (ก็เล่นไปทุกวัน ฮ่า ๆ) เพราะวันแรกที่เจอแล้วขอลายเซ็นดันฝนตกไง ปากกาเลยเซ็นไม่ค่อยชัด พอเจอกันอีก นางก็บอกว่างั้นงวดนี้เดี๋ยวเขียนทับจุดเดิมนะ แล้วบอกนางด้วยว่าเรามาจากประเทศไทยนะ มาเพื่อดูนางเลย (จริง ๆ ก็บอกทุกคนแหละ ฮ่า ๆ) ส่วนอีกคนที่ประทับใจก็คือปู่เอ็ดเวิร์ด เจมส์ ไฮแลนด์ ผู้รับบทเอม็อส ดิกกอรี่ กับบทอัลบัส ดัมเบิลดอร์ค่ะ เจอปู่ทั้ง 4 วันที่ไปล่าลายเซ็นเลย จนปู่จำเราได้แถมมีแซวว่าวันนี้ทำไรดี ถ่ายรูปอีกไหม ฮ่า ๆ ปู่เค้าเฟรนด์ลี่ค่ะชวนคุยไรงี้ด้วย

และนอกจากจะได้ลายเซ็นนักแสดงแล้ว ระหว่างรอนักแสดงก็จะได้มีโอกาสผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ต่างชาติที่เป็นพอตเตอร์เฮดเหมือนกันด้วยนะ ก็เม้าท์กันสนุกสนานเลย มีคนนึงชื่อโซเฟียค่ะ นางเป็นคนฟิลิปปินส์ที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์นานแล้ว นางแต่งชุดนักเรียนสลิธีรินมาเต็มยศด้วยค่า และที่บังเอิญมากคือระหว่างรอนักแสดงออกมา (ซึ่งจริง ๆ วันที่ว่านี้พี่ลิลี่มาถึงโรงละครช้าเลยทันได้เจอนักแสดงคนเดียวคือปู่เอ็ดเวิร์ดค่ะ) เราสองคนเม้าท์มอยกัน ตอนแรกก็คุยเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กันอยู่หรอก แต่สักพักนางถามถึงนักร้อง K-Pop มา พี่ลิลี่ก็บอกไปว่าชอบวง SHINee เท่านั้นแหละ อ้าวเฮ้ย!! นางก็ชอบเหมือนกัน แถมมีเมนคนเดียวกับพี่ลิลี่คือชอบแทมินเหมือนกันด้วย อั่ยย่ะ!! แท็กมือเม้าท์ยาวเลยค่า ฮ่า ๆ แล้วอย่างที่บอกคือวันที่ว่ามาทันเจอปู่เอ็ดเวิร์ดคนเดียว เลยถ่ายรูปกับปู่ด้วยกันเลยสามคน ฮ่า ๆ

นอกจากนี้ก็มีถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่การ์ดผิวสีที่ดูแลหน้าโรงละครด้วยคนนึง ประเด็นคือเค้านิสัยดีนะ ช่วยเหลือพี่ลิลี่ตอนวันที่พี่ลิลี่ไปดูละครเวทีแล้วมัวแต่ชักช้าตอนรอบพาร์ท 1 ไง ออกจากโรงละครช้าจนคนอื่นเขาได้เข็มกลัดกันหมดแล้ว แต่พี่ลิลี่ยังไม่ได้เลยไปถามเขา เขาก็ไปหามาให้ แล้วพอตอนพาร์ท 2 จบช่วงกลางคืนเขาก็ทักนะว่าได้เข็มกลัดแล้วใช่ไหม และก็เจอเขาตลอดทุกวันที่ไปตามล่าลายเซ็นก็คุยถามเขาด้วยแหละว่านักแสดงคนนี้ใครเหรอ จะมีใครออกมาอีกไหม คือผูกมิตรไว้ก่อนค่ะ ฮ่า ๆ นอกนั้นก็มีถ่ายรูปกับพอตเตอร์เฮดคนอื่นที่คอสเพลย์มาเหมือนกัน งี้แหละข้อดีของพอตเตอร์เฮด ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เพราะชอบแฮร์รี่ พอตเตอร์เหมือนกันก็จูนกันติด

3.ซื้อของ

สำหรับใครก็ตามที่อยากซื้อสินค้าออฟฟิเชียลจากละครเวทีเรื่องนี้นะ นอกจากซื้อผ่านเว็บแล้วก็คือมาซื้อที่ร้านค้าของโรงละครเลยค่ะ ตัวร้านจะอยู่ที่ประตูอีกฝั่งตึกของทางเข้าโรงละคร ถ้าอธิบายให้เคลียร์ก็คือ ถ้าเราอยู่ที่ประตูทางเข้าหน้าโรงละคร ก็ให้เราเดินอ้อมมุมตึกไปอีกซอย ร้านค้าจะอยู่ด้านหลังโรงละครค่า อยู่ตรงข้ามร้านแมคโดนัลด์เลย

ส่วนสินค้าก็มีตามนี้เลย อ่อ ราคาที่โชว์บนบอร์ดคือราคารวมภาษีแล้วค่ะ

************************************************************************

แหล่งอ้างอิง

– เว็บของละครเวที Harry Potter and the Cursed Child ที่บรอดเวย์, นิวยอร์ค

https://www.harrypottertheplay.com/us/

– คลิปวีดีโอ ตามรอยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 28