ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ (Peter Pettigrew)

ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ (หางหนอน)

ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ปรากฎตัวครั้งแรกในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน ในฐานะเพื่อนผู้ทรยศของเจมส์ พอตเตอร์ รีมัส ลูปิน และซิเรียส แบล็ก ผู้ทำให้เจมส์และลิลี่ถึงแก่ความตาย เขาหลบหนีโดยการทิ้งบาปให้ซิเรียส แบล็ก และกลายร่างเป็นหนูเพื่อซ่อนตัว จนไปอาศัยอยู่กับครอบครัววีสลีย์ในฐานะของหนูที่ชื่อว่า สแคบเบอรส์

ข้อมูลทั่วไป

บ้านที่ฮอกวอตส์: กริฟฟินดอร์

ฉายาหรือชื่ออื่น: หางหนอน (ฉายาในแผนที่ตัวกวน ได้รับการเรียกโดยแก๊งตัวกวน สเนป แฮร์รี่ และโวลเดอมอร์) สแคบเบอรส์ (ชื่อเรียกร่างหนูของปีเตอร์ของเพอร์ซี่และรอน) และหนอนน้อย (เป็นคำที่ลิลี่เขียนในจดหมายที่ส่งให้ซิเรียส) (เครื่องรางยมทูต บ.10 น.173)

เกิด: ช่วงปี 1959 – 1960

เสียชีวิต: มีนาคม 1998 ที่คฤหาสน์มัลฟอย ด้วยมือเงินที่โวลเดอมอร์เสกให้เขาเป็นรางวัล

ไม้กายสิทธิ์: ไม้อันแรกของหางหนอนไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัด แต่อันที่โอลลิแวนเดอร์ถูกบังคับให้ทำให้เขาใหม่เป็นไม้เกาลัด ขนาด 9 1/4 นิ้ว แกนกลางบรรจุเอ็นหัวใจมังกร เปราะ (เครื่องรางยมทูต บ.24 น.455)

บุคลิกลักษณะ

ในร่างพ่อมด ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์

“เขาชื่นชมบูชาแบล็กกับพอตเตอร์มาก ก็ไม่เชิงอยู่ในกลุ่มพวกนี้นักหรอก ไม่ฉลาดเท่า ฉันเคยดุว่าเขาบ่อยๆ…”

– มิเนอร์ว่า มักกอนากัลล์ (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.10 น.214)

เพ็ตติกรูว์เป็นพ่อมดที่มีรูปร่างเตี้ยมาก แทบจะไม่สูงกว่าแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ จมูกแหลม ผมสีเหมือนขนหนู (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.28 น.704) ผมสีบางอ่อนยุ่งเหยิงและล้านเป็นหย่อมใหญ่ตรงกลางกระหม่อม เขามีลักษณะของคนที่เคยอ้วนท้วนแต่ซูบผอมลงไปมาก ผิวหนังแลดูสกปรกเกือบจะเหมือนกับขนของสแคบเบอรส์ และลักษณะบางอย่างที่เหมือนหนูยังคงปรากฏอยู่แถวๆ จมูกแหลมและดวงตาเล็กหยีฉ่ำน้ำตาของเขา (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19 น.437) มือข้างขวาของเขามีนิ้วหายไปหนึ่งนิ้ว (ถ้วยอัคนี บ.32 น.608)

“หางหนอน ข้าต้องการคนที่มีมันสมอง คนที่มีความภักดีไม่เคยคลอนแคลน ส่วนเจ้า โชคร้ายนัก ที่ไร้คุณสมบัติทั้งสองประการ”

– ลอร์ดโวลเดอมอร์ (ถ้วยอัคนี บ.1)

เพ็ตติกรูว์ในวัยเด็กชอบให้มีเพื่อนเก่งๆ คอยดูแล จึงเลือกอยู่กับกลุ่มของเจมส์ที่เข้มแข็งและดูมีอิทธิพลในรุ่นเดียวกัน เพ็ตติกรูว์จะไม่ทำอะไรให้ใครง่ายๆ ถ้าไม่เห็นว่ามันมีผลดีต่อตัวเองยังไง (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19)

ในร่างหนู สแคบเบอรส์

สแคบเบอรส์หรือเพ็ตติกรูว์ในร่างหนูมีดวงตาสีดำเล็กจิ๋ว ร่างอ้วนปี๋สีเทา ไม่เอาไหน และแทบจะไม่ตื่นนอนเลย (ศิลาอาถรรพ์ บ.6 น.125) ก่อนจะดูซูบผอมและขี้ตื่นในช่วงปี 1993

“มันชื่อสแคบเบอรส์ และมันไม่เอาไหนเลย มันแทบไม่เคยตื่นนอนด้วยซ้ำ เพอร์ซี่ได้นกฮูกจากพ่อปีนี้เพราะเขาได้เป็นพรีเฟ็ค แต่พ่อกับแม่ไม่มีเงินพอ… เออ ฉันหมายความถึงฉันก็เลยได้สแคบเบอรส์แทน”

– รอน วีสลีย์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.6 น.125)

ประวัติของปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์

“เพ็ตติกรูว์… เด็กตัวอ้วนเตี้ยที่คอยตามพวกเขาต้อยๆ ที่ฮอกวอตส์นั่นน่ะหรือคะ”

– โรสเมอร์ทา (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.10 น.251)

ชีวิตวัยเรียน

ซิเรียส เจมส์ และปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ในวัยเรียน
ซิเรียส เจมส์ และปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ในวัยเรียน

ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ในปี 1971 – 1978 โดยได้รับการคัดสรรให้อยู่บ้านกริฟฟินดอร์ และเป็นเพื่อนสนิทกับเจมส์ พอตเตอร์ รีมัส ลูปิน และซิเรียส แบล็ก พวกเขาทั้งสี่คนมีประสบการณ์ร่วมกันมากมาย หนึ่งในนั้นคือการดูแลรีมัส ลูปินที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าในทุกคืนจันทร์เต็มดวง เพ็ตติกรูว์จะทำหน้าที่แตะตาไม้ของต้นวิลโลว์จอมหวดให้มันหยุดเคลื่อนไหวเวลาที่พวกเขาจะไปอยู่กับลูปินและเล่นสนุกด้วยกันที่เพิงโหยหวน

ผลงานที่ยอดเยี่ยมของปีเตอร์และเพื่อนของเขาก็คือ แผนที่ตัวกวน ที่แสดงแผนที่ปราสาทฮอกวอตส์อย่างละเอียด พร้อมเปิดเผยชื่อทุกคนที่อยู่ในตัวปราสาท แผนที่สุดพิเศษนี้ถูกอาร์กัส ฟิลช์ ยึดไปในปีสุดท้ายของการเรียนของปีเตอร์และเพื่อนตัวกวน (WizardingWorld/Pottermore)

ผู้รักษาความลับ

ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ เข้าเป็นสมาชิกของภาคีนกฟีนิกซ์ในรุ่นเดียวกับเพื่อนแก๊งตัวกวนของเขา คือ เจมส์ รีมัส และซิเรียส (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.9)

ภาพถ่ายของสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์รุ่นแรก
ภาพถ่ายของสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์รุ่นดั้งเดิม

“หนอนน้อยมาที่นี่เมื่อเสาร์อาทิตย์ก่อน ฉันคิดว่าเขาดูเศร้าๆ แต่คงจะเป็นเพราะเรื่องครอบครัวมักคินนอน ฉันเองร้องไห้ตลอดเย็นนั้นเลยตอนได้ยินข่าว”

– จดหมายจากลิลี่ถึงซิเรียส (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต บ.10 น.172)

หลังจากที่ดัมเบิลดอร์ทราบถึงอันตรายที่จะมาถึงเจมส์และลิลี่จากคำพยากรณ์หายนะที่บอกว่าเด็กที่เกิดเดือนที่เจ็ดวางวายจะมาโค่นล้มอำนาจของลอร์ดโวลเดอมอร์ ซึ่งหมายถึงตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาก็วางแผนให้ทั้งคู่ใช้คาถาฟิเดลิอัสเพื่อซ่อนตัว โดยคาถาดังกล่าวจะต้องมีผู้รักษาความลับหนึ่งคนเก็บข้อมูลที่ซ่อนของทั้งคู่ แล้วจะไม่มีใครรู้ความลับ ต่อให้บุกเข้าไปถึงที่ซ่อน หรือเอาจมูกไปจ่ออยู่ตรงหน้าต่างห้องนั่งเล่นก็ไม่มีทางหาพบ เว้นแต่ผู้รักษาความลับจะปูดออกมาเอง (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.10 น.248) ในตอนแรกนั้นดัมเบิลดอร์ตั้งใจจะรับหน้าที่นั้นด้วยตนเอง เขาคิดว่าใครใกล้ตัวทั้งคู่เป็นคนเอาข้อมูลไปให้โวลเดอมอร์ แต่เจมส์เชื่อมั่นที่จะให้ซิเรียสรับหน้าที่นี้ ซึ่งซิเรียสขอเปลี่ยนแผนเพราะคิดว่าความคิดของเขาดีกว่าในการให้ปีเตอร์ที่ดูไม่น่าโดนเพ่งเล็งที่สุดในกลุ่ม จึงเสนอให้ทั้งคู่เลือกเพ็ตติกรูว์เป็นผู้รักษาความลับแทนในนาทีสุดท้าย เพราะคนใกล้ตัวรู้ดีว่าเขาและเจมส์สนิทกันอย่างยิ่ง คงเสี่ยงมากที่จะโดนเลือกและรีดข้อมูลจากเขา ทำให้แผนเปลี่ยนตัวผู้รักษาความลับมีแค่สี่คนที่รับรู้แผนการนี้ในตอนนั้น คือ ปีเตอร์ ซิเรียส เจมส์ และลิลี่

“แฮร์รี่… ฉันก็เหมือนกับฆ่าพวกเขานั่นแหละ ฉันเกลี้ยกล่อมให้ลิลี่กับเจมส์เปลี่ยนมาเลือกปีเตอร์ในนาทีสุดท้าย เกลี้ยกล่อมให้พวกเขาใช้ปีเตอร์เป็นผู้รักษาความลับแทนฉัน… ฉันสมควรถูกตำหนิ ฉันรู้… คืนที่พวกเขาตาย ฉันไปดูปีเตอร์ให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย แต่พอไปถึงที่ซ่อนตัว เขาก็หายไปเสียแล้ว แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เรื่องมันชักแปลกพิกล ฉันตกใจกลัว เลยรีบออกเดินทางไปบ้านพ่อกับแม่เธอทันที แล้วพอได้เห็นสภาพบ้านที่ถูกทำลายและร่างลิลี่กับเจมส์ — ฉันก็รู้แล้วว่าปีเตอร์ต้องทำอะไรลงไป — และตัวฉันทำอะไรลงไป”

– ซิเรียส แบล็ก (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19 น.435)

ไม่ถึงอาทิตย์หลังจากได้รับหน้าที่เป็นผู้รักษาความลับ เจมส์และลิลี่ก็ถูกพบและสังหารโดยโวลเดอมอร์ในวันที่ 31 ตุลาคม 1981 (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.10 น.249)

การตายจอมปลอม

1 พฤศจิกายน 1981 ซิเรียส แบล็ก ตามล่าหาตัวปีเตอร์จนพบ แต่เขาถูกตลบหลัง จากคำบอกเล่าของมักเกิ้ลผู้เห็นเหตุการณ์ (ก่อนโดนลบความทรงจำ) บอกว่าเขาเห็นปีเตอร์สะอื้นเสียใจว่า “ลิลี่กับเจมส์ ซิเรียส! นายทำได้ยังไง!” แล้วร่ายคาถาให้คนที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจว่าเขาโดนซิเรียสเล่นงานจนตาย (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.10)

“มีหลุมใหญ่ตรงกลางถนน มันลึกมากเสียจนทำท่อระบายของเสียข้างใต้แตก ศพเกลื่อนกลาด พวกมักเกิ้ลหวีดร้อง แล้วแบล็กก็ยืนหัวเราะอยู่ตรงนั้น มีซากที่เหลืออยู่ของเพ็ตติกรูว์อยู่ตรงหน้า… เป็นกองเสื้อคลุมเปื้อนเลือดกับ — ชิ้นส่วนอีกไม่มาก –“

“แบล็กถูกพ่อมดลาดตระเวนของกองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ยี่สิบคนจับตัวไป ส่วนเพ็ตติกรูว์ก็ได้เหรียญตราแห่งเมอร์ลินชั้นหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าคงพอจะช่วยปลอบใจแม่ผู้น่าสงสารของเขาได้บ้าง…”

– คอร์นีเลียส ฟัดจ์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.10)

แม้ซิเรียสจะตั้งใจฆ่าเพ็ตติกรูว์ให้ตายแต่หางหนอนก็เอาชนะได้ในตอนนั้นและทำให้เขาตกเป็นคนร้ายในเหตุการณ์คร่ามักเกิ้ลนั้นแทน (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.18)

เหตุที่หางหนอนซ่อนตัวในร่างหนูตลอด 12 ปี ไม่ใช่เพราะต้องการหลบหนีจากซิเรียส แต่หลบหนีจากผู้เสพความตายคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ติดอัซคาบัน เพราะพวกนั้นรู้ดีว่าโวลเดอมอร์สิ้นอำนาจลงเพราะโวลเดอมอร์ไปเล่นงานครอบครัวพอตเตอร์ตามข้อมูลที่หางหนอนให้ และจอมมารก็เสื่อมพลังอำนาจลงที่นั่น (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19 น.378)

เมื่อหางหนอนกลายเป็นหนูแล้วหลบหนีลงท่อหายไป หางหนอนก็ออกตามหาครอบครัวพ่อมดเพื่อจะได้คอยตามข่าวหากโวลเดอมอร์หวนคืนอำนาจ จนได้มาอยู่กับครอบครัววีสลีย์เป็นเวลายาวนานถึง 12 ปี ด้วยชื่อเรียก “สแคบเบอรส์” ในฐานะสัตว์เลี้ยงของเพอร์ซี่ วีสลีย์ และส่งมอบต่อให้รอน วีสลีย์ ในปี 1991 (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.6 น.125) และเป็นสัตว์เลี้ยงของรอนจนถึงเดือนมิถุนายน 1994

เปิดโปงความจริง

ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ถูกซิเรียสและรีมัสเสกคาถาเปิดโปงว่าเขาเป็นแอนิเมจัส
ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ถูกซิเรียสและรีมัสเสกคาถาเปิดโปงว่าเขาเป็นแอนิเมจัส

“นายได้รูปนี้มายังไง” ลูปินถามแบล็กอย่างแปลกใจนักหนา

“จากฟัดจ์” แบล็กตอบ “ตอนที่เขามาตรวจคุกอัซคาบันปีก่อน เขายกหนังสือพิมพ์ให้ฉัน และมันมีรูปปีเตอร์อยู่บนหน้าหนึ่ง… เกาะไหล่เด็กคนนี้… ฉันจำมันได้ทันที… ฉันเห็นมันแปลงร่างมากี่ครั้งแล้วล่ะ และคำบรรยายใต้รูปก็บอกว่าเด็กนั่นจะกลับมาที่ฮอกวอตส์… ที่แฮร์รี่อยู่…

“ยังไงล่ะครับ” รอนถามอย่างไม่กลัวเกรง

“นิ้วเท้ามันหายไปนิ้วหนึ่ง” แบล็กตอบ

“นั่นสินะ” ลูปินถอนหายใจ “ง่ายนิดเดียว… ฉลาดมาก… ปีเตอร์ตัดนิ้วตัวเองทิ้งใช่ไหม”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19 น.737

6 มิถุนายน 1994 ที่เพิงโหยหวน ซิเรียส แบล็ก และรีมัส ลูปินได้เปิดโปงการตายของเพ็ตติกรูว์ว่าเป็นเรื่องหลอกลวงให้แก่ แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ได้รับรู้ความจริง ซิเรียสเล่าเรื่องราวในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 1981 ที่ทำให้ซิเรียสกลายเป็นผู้ร้ายข้อหาสังหารมักเกิ้ลและตนเองรวมสิบสามรายในเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งความจริงแล้วเขาแค่ตัดนิ้วตัวเองและกลายร่างเป็นหนูหลบหนีไป (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.17-19)

“พอฉันต้อนไปจนมุม มันก็ตะโกนให้คนทั้งถนนได้ยินว่าฉันทรยศลิลี่กับเจมส์ แต่ฉันยังไม่ทันจะร่ายคาถา มันก็ใช้ไม้กายสิทธิ์ที่ซ่อนไว้ข้างหลังระเบิดถนนกระจุย ฆ่าทุกคนที่อยู่ในรัศมีหกเมตรตายเรียบ — แล้วเผ่นหนีลงท่อไปพร้อมกับหนูตัวอื่น…”

ซิเรียส แบล็ก (นักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19 น.373)

ในวันเดียวกันนั้นเอง เนื่องจากเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้แผนจับกุมตัวเพ็ตติกรูว์และเปิดโปงความจริงต้องล่มลงในท้ายที่สุด เพราะหางหนอนอาศัยจังหวะที่ลูปินกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าหลุดออกจากเชือกที่ลูปินเสกมัดหางหนอนที่แขนเข้ากับลูปินและรอน แล้วกลายร่างเป็นหนูและหลบหนีไปในช่วงชุลมุน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.19 และ 20)

ตามหาและหวนคืนอำนาจให้โวลเดอมอร์

หลังถูกเปิดโปงที่ฮอกวอตส์ในเดือนมิถุนายน 1994 เพ็ตติกรูว์ที่หลบหนีหายไปก็ออกตามหาไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์จนพบที่บ้านของครอบครัวพอตเตอร์ในหมู่บ้านก็อดดริกส์โฮลโล่

เจ.เค.โรว์ลิ่ง: หางหนอนผู้หมดโอกาสจะประจบประแจง ได้กอบกู้มันจากที่ซึ่งมันตกและนำมันกลับมาให้เขา ฉันว่ามันเป็นความสามารถเล็กๆ อย่างหนึ่งของหนูสักตัว และพวกมันก็เป็นสัตว์ที่ฉลาดล้ำมาก!

– J.K. Rowling and the Live Chat, Bloomsbury.com, July 30, 2007

เขาเก็บรักษาไม้ไว้พร้อมกับความคิดที่จะตามหาจอมมารให้พบ เพ็ตติกรูว์ได้รับข้อมูลมากมายจากเพื่อนหนูของเขา ที่เล่าขานกันว่าสิ่งมีชีวิตแบบพวกมันถึงแก่ความตายจากเงามืดที่เข้าสิงร่างในป่าลึกของแอลเบเนีย แต่ก่อนที่หางหนอนจะพบกับเงามืดของโวลเดอมอร์ ราวเดือนกรกฎาคม 1994 เขาก็เจอกับเบอร์ธา จอร์กิ้นส์ เจ้าหน้าที่กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์อังกฤษ ในโรงเตี๊ยมข้างชายป่าแห่งหนึ่งในแอลเบเนียโดยบังเอิญ หางหนอนหลอกล่อและพาตัวเธอมาหาโวลเดอมอร์ด้วย และนั่นทำให้โวลเดอมอร์รีดข้อมูลได้มากมายจนรับรู้เรื่องการประลองเวทไตรภาคีที่ฮอกวอตส์ รวมถึงทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์อย่างบาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย แล้วสังหารเธอด้วยตัวเอง ข้อมูลเหล่านี้ทำให้จอมมารวางแผนเพื่อนำตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาอยู่ในแผนการคืนชีพ และกำจัดเขาทิ้ง (ถ้วยอัคนี บ.1, 4, 33, 35)

หางหนอนกลับมารับใช้จอมมารอย่างใกล้ชิด และชุบคืนจากเงามืดเร่ร่อนให้มีร่างกายแต่ก็ยังอ่อนปวกเปียกให้แก่โวลเดอมอร์ ซึ่งร่างนี้แข็งแรงพอที่จะออกเดินทางและทำอะไรได้บ้าง ทั้งยังคอยทำหน้าที่รีดพิษนากินีเพื่อเป็นพลังเยียวยาและคงสภาพร่างปวกเปียกให้โวลเดอมอร์ เตรียมพร้อมสำหรับการคืนชีพจริง และย้ายมาอาศัยอยู่ที่บ้านริดเดิ้ลในลิตเติลแฮงเกิลตัน ซึ่งเป็นบ้านพ่อมักเกิ้ลของโวลเดอมอร์ ในวันที่ 23 สิงหาคม 1994

“การอุทิศตัวของเจ้าก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกเสียจากความขลาด เจ้าย่อมไม่มาอยู่ตรงนี้ถ้ามีที่อื่นไป ข้าจะอยู่รอดได้อย่างไรถ้าไม่มีเจ้า ในเมื่อข้าต้องให้คนป้อนอาหารทุกๆ สองสามชั่วโมงแบบนี้ ใครจะรีดพิษนากินี”

– ลอร์ดโวลเดอมอร์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.1 น.22)

ไม่เพียงผู้คืนร่างกายให้โวลเดอมอร์ ในวันที่ 24 มิถุนายน 1995 ที่สุสานลิตเติลแฮงเกิลตันหางหนอนที่ลงมือสังหารเซดริก ดิกกอรี่ ด้วยไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์ตามคำสั่งของเจ้านาย ยังเป็นหนึ่งในกุญแจหลักสำคัญในการคืนชีพให้โวลเดอมอร์กลับมามีร่างกายโดยสมบูรณ์อีกครั้งผ่านมนตร์ดำเก่าแก่ในการปรุงน้ำยาชุบชีวิตที่ต้องใช้เลือดของศัตรู (แฮร์รี่) กระดูกของพ่อ (ทอม ริดเดิ้ล) และเนื้อจากทาสรับใช้ที่มอบให้ด้วยความเต็มใจ ซึ่งหางหนอนตัดเอามือขวาที่นิ้วข้างหนึ่งหายไปมอบให้กับพิธีกรรมคืนชีพนี้ (ถ้วยอัคนี บ.32)

“แกกลับมาหาฉัน ไม่ใช่เพราะความภักดี แต่เพราะความกลัวเพื่อนเก่า สาสมดีกับความเจ็บปวดนี้แล้วหางหนอน แกรู้ใช่ไหม… แต่แกก็ช่วยให้ฉันคืนร่าง ถึงจะไร้ค่าและทรยศ แต่แกก็ช่วยฉัน… ลอร์ดโวลเดอมอร์ตอบแทนผู้ที่ช่วยเขาเสมอ…”

“นายท่าน… มันสวยงาม… ขอบคุณ… ขอบคุณ…”

“ขออย่าให้ความภักดีของแกคลอนแคลนอีกนะ หางหนอน”

– ลอร์ดโวลเดอมอร์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.33 น.615)

และเพื่อเป็นการตอบแทนมือขวาที่หางหนอนมอบให้เพื่อคืนชีพ โวลเดอมอร์จึงเสกมือเงินให้เขาทดแทนมือขวาที่โดนตัดทิ้งไป (ถ้วยอัคนี บ.33 น.615)

คนรับใช้ของเซเวอรัส สเนป

ในเดือนกรกฎาคม ปี 1996 ลอร์ดโวลเดอมอร์ให้หางหนอนมาอยู่กับเซเวอรัส สเนป ที่บ้านของเขาในตรอกปั่นฝ้าย เพื่อคอยช่วยเหลือสเนป

“หางหนอนจะหาเครื่องดื่มมาให้เรา ถ้าคุณต้องการ” สเนปเอ่ยขึ้น “แล้วเขาจะกลับไปห้องนอน”

“ฉันไม่ใช่คนใช้ของแกนะ!” เขาส่งเสียงแหลมๆ ออกมา หลบสายตาสเนป

“งั้นรึ ฉันเข้าใจว่าจอมมารส่งแกมาอยู่ที่นี่ให้ช่วยเหลือฉัน”

“ให้ช่วยเหลือ ใช่ — แต่ไม่ใช่ให้มาผสมเครื่องดื่มให้แก และ — และทำความสะอาดบ้านแก!”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม บ.2 น.32

ผู้คุมนักโทษของคฤหาสน์มัลฟอย

ในช่วงปี 1997 หลังจอมมารกลับมามีชีวิตและวางแผนเถลิงอำนาจอีกครั้ง เขาก็เข้ายึดคฤหาสน์มัลฟอยเป็นที่ประชุมของผู้เสพความตายและเป็นที่อาศัยด้วย โดยให้หางหนอนมีบทบาทหน้าที่คอยควบคุมนักโทษในคุกใต้ดินของคฤหาสน์หลังนี้ (เครื่องรางยมทูต บ.1)

เสียชีวิต

เพ็ตติกรูว์ เสียชีวิตในเดือนมีนาคม 1998 ที่คุกใต้ดินของคฤหาสน์มัลฟอย ด้วยมือเงินที่โวลเดอมอร์เสกให้เขาแทนมือที่เขาตัดทิ้งเพื่อคืนชีพให้โวลเดอมอร์

“คุณจะฆ่าผมหรือ ทั้งที่ผมไว้ชีวิตคุณ คุณเป็นหนี้ผมนะ หางหนอน!”

นิ้วเงินที่รัดแน่นคลายตัวออก แฮร์รี่ไม่คาดคิดเลย เขาฉวยโอกาสดิ้นจนหลุดด้วยความประหลาดใจ มือยังคงปิดปากหางหนอนไว้แน่น เขาเห็นดวงตาเยิ้มแฉะของชายร่างเล็กเบิกกว้างด้วยความกลัวและประหลาดใจ เขาดูตกใจพอๆ กับแฮร์รี่ที่มือของตัวเองทำเช่นนั้น ตกใจที่มันแอบแสดงความเมตตาเสี้ยวน้อยนิดของเขาออกมา…

…นิ้วมือเงินของเขาเองกำลังเคลื่อนที่มาคอหอยโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด… แฮร์รี่ไม่ได้หยุดคิดเลย เขาพยายามรั้งมือเงินนั้นกลับมา แต่ก็หยุดมันไม่ได้ เครื่องมือเงินที่โวลเดอมอร์มอบให้คนรับใช้ที่ขี้ขลาดที่สุดของเขา กลับโจมตีเจ้าของที่ไร้อาวุธและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป…

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต บ.23

ความสามารถพิเศษทางเวทมนตร์

  • แอนิเมจัส ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ สามารถแปลงร่างเป็นหนูได้ตั้งแต่สมัยเรียนที่ฮอกวอตส์ร่วมกับแก๊งตัวกวนของเขา ซึ่งเป็นแอนิเมจัสที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเวทมนตร์แต่อย่างใด (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.18)

ครอบครัวของปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์

ไม่มีหลักฐานกล่าวถึงครอบครัวของปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ มากนัก หลักฐานเดียวที่ระบุไว้คือ เหตุการณ์หลังการเสียชีวิตปลอมของเพ็ตติกรูว์ แม่ของเขาได้รับเหรียญตราเมอร์ลินชั้นที่หนึ่งกับนิ้วของเพ็ตติกรูว์ใส่มาในกล่อง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.11 น.260)

เกร็ดน่ารู้

  • ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ แสดงโดย Timothy Spall ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 3, 4, 5, 6 และ 7.1 และรับบทโดย Charles Hughes สำหรับเพ็ตติกรูว์ช่วงวัยเรียนที่ฮอกวอตส์ในภาค 5
  • ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน มือข้างที่นิ้วขาดไปคือด้านซ้าย แต่ในหนังสือเล่มสี่ระบุว่ามือที่นิ้วขาดไปคือมือขวา ซึ่งเป็นมือข้างที่เขาตัดทิ้งไปเพื่อคืนชีพให้จอมมาร
  • หนูที่ใช้ถ่ายทำในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 1-3 เพื่อรับบทสแคบเบอรส์ มีชื่อว่า Dex (อ้างอิง Scholastic.com)
  • เจ.เค.โรว์ลิ่ง ระบุถึงเหตุผลที่ทำไมฝาแฝดถึงไม่เคยเห็นชื่อของเพ็ตติกรูว์ในแผนที่ตัวกวนว่า พวกเขาทั้งคู่ใช้แผนที่เพื่อสนองความต้องการของตนเอง จึงจดจ่อกับแผนการตัวเองมากกว่าจะสนใจจุดเล็กๆ อื่นๆ หลายร้อยจุดที่กำลังเคลื่อนที่ไปรอบๆ แผนที่ (JKRowling.com)
  • ในเว็บไซต์ JKRowling.com เวอร์ชั่นเก่าเคยมีเอกสารลายมือระบุชื่อ Enid Pettigrew ระบุไว้ในรายชื่อศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด โดยวางแผนให้ปรากฏตัวในเล่ม 4 6 และ 7 แต่ไม่เคยปรากฏในหนังสือจริงๆ เป็นไปได้ว่าชื่อดังกล่าวอาจเป็นแม่ของปีเตอร์
Enid Pettigrew ในร่างรายชื่อแรกเริ่มของแฮร์รี่ พอตเตอร์ อาจเป็นชื่อแม่ของปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์
Enid Pettigrew ในร่างรายชื่อแรกเริ่มของแฮร์รี่ พอตเตอร์ อาจเป็นชื่อแม่ของปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์
  • ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ เป็นหนึ่งในนักเรียนฮอกวอตส์ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ “หมวกชะงัก” แก่หมวกคัดสรร ที่ใช้เวลาเลือกบ้านนานกว่า 5 นาที โดยลังเลใจระหว่างบ้านกริฟฟินดอร์และสลิธีริน (อ้างอิง Pottermore & Wizarding World)
  • ดูเหมือนว่าตลอดวรรณกรรมทั้ง 7 ภาค หางหนอนจะเป็นผู้เสพความตายเพียงคนเดียวที่มาจากบ้านอื่นที่ไม่ใช่สลิธีริน ไม่นับควีเรลล์ที่ไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัดว่าเป็นผู้เสพความตายหรือไม่
  • ในปี 2020 สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงการสะกดชื่อใหม่จาก “ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์” เป็น “ปีเตอร์ เพตติกรูว์” และเปลี่ยนชื่อ “สแคบเบอร์” เป็น “สแคบเบอรส์”