โดโลเรส อัมบริดจ์ (Dolores Umbridge)

เนื้อหาใหม่จาก เจ. เค. โรว์ลิ่ง

วันเกิด : 26 สิงหาคม

ไม้กายสิทธิ์ : ไม้เบิร์ช แกนกลางเอ็นหัวใจมังกร ยาว 8 นิ้ว

บ้านที่ฮอกวอตส์ : สลิธีริน

ความสามารถพิเศษ : ปากกาขนนกที่ใช้ทำโทษเป็นการคิดค้นของเธอเอง

เชื้อสาย : มารดาเป็นมักเกิ้ล บิดาเป็นพ่อมด

ครอบครัว : ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีบุตร

งานอดิเรก : สะสมจานประดับผนังรูปแมวขี้เล่น, เพิ่มผ้าระบายและผ้าจีบตกแต่งอุปกรณ์เครื่องเขียน, สร้างเครื่องมือในการทรมาน

 

โดโลเรส เจน อัมบริดจ์ เป็นลูกคนโตและลูกสาวเพียงคนเดียวของนายออร์ฟอร์ด อัมบริดจ์ (Orford Umbridge) ผู้เป็นพ่อมด และนางเอลเลน แคร็กเนลล์ (Ellen Cracknell) ภรรยาผู้เป็นมักเกิ้ล ทั้งสองมีลูกชายสควิบด้วยกันอีกคนหนึ่ง พ่อแม่ของโดโลเรสไม่มีความสุขในชีวิตคู่ และโดโลเรสมีความรู้สึกรังเกียจพวกเขาอยู่ลึกๆ ทั้งตัวออร์ฟอร์ดที่ขาดความทะเยอทะยาน (เขาไม่เคยได้รับการเลื่อนตำแหน่งเลย และทำงานอยู่ในฝ่ายดูแลสถานที่วิเศษที่กระทรวงเวทมนตร์) และเอลเลน มารดาของเธอ ที่ทั้งเหลาะแหละ สะเพร่า และเป็นเชื้อสายมักเกิ้ล ทั้งออร์ฟอร์ดและลูกสาวของเขาโทษเอลเลนในเรื่องที่น้องชายของโดโลเรสขาดความสามารถด้านเวทมนตร์ ส่งผลให้ครอบครัวนี้ต้องแยกทางกันเมื่อโดโลเรสอายุได้สิบห้าปี โดยออร์ฟอร์ดกับโดโลเรสยังคงอยู่ด้วยกัน แต่เอลเลนหายตัวกลับไปอยู่ในโลกมักเกิ้ลพร้อมกับลูกชายของเธอ โดโลเรสไม่เคยพบมารดาและน้องชายของเธออีกเลย ไม่เคยเอ่ยถึงพวกเขาและแสร้งทำเป็นว่าเธอมีสายเลือดบริสุทธิ์นับแต่นั้นมา

โดโลเรสเป็นแม่มดที่ประสบความสำเร็จ เธอเข้าทำงานในกระทรวงเวทมนตร์ทันทีหลังสำเร็จการศึกษาจากฮอกวอตส์ ด้วยการเป็นพนักงานฝึกหัดในกองตรวจสอบการใช้เวทมนตร์ในทางที่ไม่ถูกต้อง ด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปี โดโลเรสก็เป็นคนช่างตัดสิน มีอคติ และมีความสุขในการทรมานผู้อื่น แม้เธอจะแสดงว่ามีทัศนคติที่ดี ช่างประจบเอาใจ และหวานปานน้ำเชื่อมต่อผู้บังคับบัญชา แต่เธอก็แสดงความโหดเหี้ยมและแย่งชิงเอาความดีความชอบของผู้อื่นเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง ก่อนอายุสามสิบปี โดโลเรสได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นหัวหน้ากอง และไม่นานจากจุดนั้นก็ได้เลื่อนไปตำแหน่งที่สูงขึ้นในคณะผู้บริหารของกองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ ในช่วงนี้เองที่เธอเกลี้ยกล่อมบิดาของเธอให้เกษียณอายุก่อนกำหนดด้วยการทำเบี้ยยังชีพจำนวนหนึ่งให้แก่เขา โดยเธอทำให้แน่ใจว่าเขาจะพ้นจากสายตาไปอย่างเงียบเชียบ เมื่อใดก็ตามที่ถูกถาม (ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบเธอนั่นแหละ) ว่า ‘คุณเกี่ยวข้องอะไรกับตาอัมบริดจ์ที่เคยถูพื้นอยู่ที่นี่หรือเปล่า’ เธอก็จะยิ้มหวาน หัวเราะ และปฏิเสธถึงความสัมพันธ์ที่มี พร้อมทั้งอ้างว่าบิดาผู้ล่วงลับของเธอเป็นสมาชิกพิเศษแห่งศาลสูงวิเซ็นกาม็อต ดูเหมือนเรื่องร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ถามถึงออร์ฟอร์ดหรือเรื่องที่โดโลเรสไม่ชอบจะให้กล่าวถึง ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะอยู่ต่อไปจึงแสร้งที่จะเชื่อเรื่องบรรพบุรุษของเธอในแบบที่เธอบอก

ทั้งๆ ที่เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะมัดใจหนึ่งในผู้บังคับบัญชาของเธอ (เธอไม่สนว่าจะต้องเป็นใคร เพียงแค่ให้สถานะและความมั่นคงของเธอก้าวหน้าต่อไปพร้อมกับสามีผู้เรืองอำนาจ) แต่โดโลเรสก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในการสมรส ในขณะที่พวกเขานับถือการทำงานอย่างหนักและความทะเยอะทะยานของเธอ แต่เมื่อคนเหล่านั้นได้รู้จักเธอเป็นอย่างดีก็พบว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะทำใจให้ชอบได้ เพราะหลังจากได้ดื่มไวน์เชอรี่รสหวานลิ้นแล้ว โดโลเรสมักจะพูดมากเป็นพิเศษถึงมุมมองความอำมหิตของเธอ แม้แต่คนที่เป็นพวกต่อต้านมักเกิ้ลเองยังตกใจในคำแนะนำของโดโลเรสซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ใด ด้วยวิธีทรมานที่สังคมพวกไร้เวทมนตร์สมควรจะได้รับ

ขณะที่เธออายุมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และอยู่ในจุดที่สูงขึ้นในกระทรวงเวทมนตร์ รสนิยมการชอบเครื่องประดับกระจุกกระจิกแบบผู้หญิงของโดโลเรสก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ห้องทำงานของเธอกลายเป็นสถานที่รวบรวมผ้าจับจีบ อีกทั้งเธอยังชอบของทุกอย่างที่ตกแต่งด้วยลูกแมว (ถึงการเลี้ยงแมวจริงๆ จะลำบากยุ่งยากก็ตาม) ช่วงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเวทมนตร์ คอร์นีเลียส ฟัดจ์ เริ่มกังวลและหวาดระแวงว่าอัลบัส ดัมเบิลดอร์พยายามจะเข้ามาแย่งตำแหน่ง โดโลเรสได้จัดการกรุยทางให้ตัวเองไปยังใจกลางของอำนาจโดยการจุดไฟในตัวของฟัดจ์ทั้งความเย่อหยิ่งและความหวาดกลัวของเขา และเสนอตัวเธอเองเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้

การแต่งตั้งโดโลเรสเป็นเจ้าพนักงานสวบสวนใหญ่ที่โรงเรียนฮอกวอตส์ ได้ให้โอกาสอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกของชีวิตในการแสดงออกถึงอคติและความโหดร้ายของเธอ ในสมัยเรียน เธอไม่พอใจช่วงที่อยู่ที่โรงเรียนเพราะเธอถูกมองข้ามในการมอบหมายตำแหน่งหรือความรับผิดชอบใดๆ ดังนั้น เธอจึงยินดีที่ได้โอกาสกลับมาและใช้อำนาจกับผู้ที่ไม่เคยให้สิ่งที่เธอสมควรจะได้ (เท่าที่เธอคิดเอง)

โดโลเรสเป็นคนกลัวสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่และไม่เชิงเป็นมนุษย์ การรังเกียจลูกครึ่งยักษ์อย่างแฮกริดและหวาดกลัวต่อเซนทอร์เผยให้เห็นว่าเธอหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก รวมถึงป่า เธอเป็นคนที่ชอบควบคุมผู้อื่นอย่างที่สุด และใครก็ตามที่ท้าทายอำนาจรวมถึงทัศนคติของเธอ (ตามความเห็นของเธอ) จะต้องถูกลงโทษ เธอสนุกสนานที่จะเอาชนะและทำให้ผู้อื่นอับอายขายหน้า ยกเว้นไว้เฉพาะผู้ที่ประกาศว่าภักดีต่อเธอ คงจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยถ้าต้องเลือกระหว่างเธอกับเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์

ช่วงเวลาของโดโลเรสในฮอกวอตส์จบลงด้วยความหายนะ เพราะเธอทำเกินเลยอำนาจหน้าที่ที่ฟัดจ์มอบหมาย โดยการก้าวออกจากขอบเขตอำนาจของตัวเอง ชักจูงตัวเองให้ทำตามอุดมการณ์ที่เธอคลั่งไคล้ เธอสั่นคลอนแต่ไม่สำนึก ภายหลังจากความหายนะที่จบอาชีพการงานของเธอที่ฮอกวอตส์ เธอได้กลับไปยังกระทรวงเวทมนตร์ซึ่งตกอยู่ในความยุ่งเหยิงเนื่องจากการหวนคืนของลอร์ดโวลเดอมอร์

ในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งตามมาด้วยการบีบบังคับฟัดจ์ให้ลาออก โดโลเรสจึงได้กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมที่กระทรวงเวทมนตร์ รัฐมนตรีคนใหม่ รูฟัส สคริมเจอร์ ได้รับปัญหาจากการกดดันทันทีซึ่งมากกว่าที่โดโลเรส อัมบริจด์โดน ในภายหลัง สคริมเจอร์ได้รับบทเรียนจากการละเลยของเขาเนื่องจากความจริงที่ว่า กระทรวงเวทมนตร์ไม่เคยลงโทษใดๆ กับโดโลเรสที่ใช้อำนาจทำโทษแฮร์รี่ พอตเตอร์ตามอำเภอใจและไร้เยื่อใย แฮร์รี่เห็นว่าการที่ยังคงจ้างโดโลเรสทำงานและการไม่สนใจพฤติกรรมของเธอระหว่างอยู่ที่ฮอกวอตส์เป็นการแสดงออกถึงความทุจริตอย่างใหญ่หลวงของกระทรวงและเขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรีคนใหม่ด้วยเหตุผลนี้ (โดโลเรสเป็นเพียงคนเดียวนอกเหนือจากลอร์ดโวลเดอมอร์ที่ให้บาดแผลทางร่างกายอย่างถาวรแก่แฮร์รี่ ด้วยการบังคับให้กรีดข้อความว่า ‘ฉันต้องไม่พูดโกหก’ ที่หลังมือของเขาเองขณะที่ถูกกักบริเวณ)

ต่อมา การใช้ชีวิตในกระทรวงของโดโลเรสเพลิดเพลินมากกว่าที่เคย เมื่อกระทรวงถูกควบคุมโดยรัฐมนตรีหุ่นเชิด ไพอัส ทิกเนส และถูกแทรกซึมโดยสมัครพรรคพวกของเจ้าแห่งศาสตร์มืด โดโลเรสได้อยู่ในแวดล้อมที่แท้จริงของเธอในที่สุด สิทธิ์การตัดสินโดยชอบธรรมโดยผู้เสพความตายมีมากกว่าที่เธอเคยมีสมัยทำงานกับอัลบัส ดัมเบิลดอร์ เธอไม่เพียงผูกขาดอำนาจที่มีอยู่เท่านั้น หากแต่ยังทวีเพิ่มอำนาจมากขึ้น ด้วยการเป็นประธานคณะกรรมาธิการลงทะเบียนผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ล ซึ่งมีผลให้เกิดศาลเตี้ยโดยการจับกุมผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ลและกล่าวหาว่าขโมยไม้กายสิทธิ์และเวทมนตร์ของผู้วิเศษ

มีเหตุการณ์หนึ่งที่เธอกำลังนั่งตัดสินความหญิงผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งอยู่ ซึ่งตอนท้ายแฮร์รี่ พอตเตอร์เข้าโจมตีโดโลเรสในใจกลางกระทรวงและขโมยฮอร์ครักซ์ที่เธอสวมอยู่ โดยไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร

ในช่วงล่มสลายของลอร์ดโวลเดอมอร์ โดโลเรส อัมบริดจ์ถูกนำขึ้นพิจารณาคดีในเรื่องให้ความร่วมมือในการยึดอำนาจปกครอง การตัดสินให้เกิดการทรมาน การจำคุกและการเสียชีวิตของผู้อื่น (ผู้บริสุทธิ์ที่เกิดจากมักเกิ้ลบางคนที่เธอพิพากษาให้ไปอยู่อัซคาบันไม่มีชีวิตรอดจากการถูกทารุณกรรม)

 

แนวคิดของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง

ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยเข้าเรียนฝึกฝีมือหรือวิชาบางวิชา (ซึ่งเรียนไปก็ยังไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งกำลังจะบอกอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว) และการที่จะเข้าเรียนก็ต้องไปติดต่ออาจารย์หรือผู้สอนที่พอเห็น ฉันก็ไม่ชอบเอามากๆ

ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับความไม่พอใจของฉันด้วยความสนใจ ทำไมเราถึงต่อต้านกันในทันทีอย่างจริงจัง และ (อย่างน้อยในความคิดของฉัน) ไม่มีเหตุผล บอกตามตรงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน สิ่งที่ติดอยู่ในหัวฉันคือรสนิยมเครื่องประดับหวานแหววของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิ๊บติดผมพลาสติกรูปโบว์อันเล็กๆ สีเหลืองเลมอนที่ติดบนผมหยักศกสั้นของเธอ ฉันเคยจ้องดูกิ๊บตัวนั้นที่ดูเหมาะถ้าเด็กหญิงสามขวบใช้ เหมือนกับเป็นพวกไม่โตตามวัย เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างอ้วนเตี้ยม่อต้อซึ่งไม่ใช่การเจริญเติบโตแบบวัยรุ่น และดูเหมือนเธอจะใส่เสื้อผ้าจับจีบแบบที่ (ฉันคิด) มันไม่มีความจำเป็นจะต้องมี แล้วเธอยังถือกระเป๋าถือใบเล็กๆ ก็อีกนั่นแหละ เหมือนว่าไปยืมมาจากกล่องของแต่งตัวเด็ก ส่วนตัวฉันรู้สึกว่านั่นมันตรงข้ามกันเลยกับความหวาน ไร้เดียงสา หรือใสซื่อ

ฉันมักจะค่อนข้างระมัดระวังกับการพูดถึงแรงบันดาลใจประเภทนี้เพราะมันน่าโมโหเวลารู้ว่าตัวเองตีความผิดในบางเรื่องแล้วจะทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บช้ำมาก แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ ‘โดโลเรส อัมบริดจ์ตัวจริง’ หรอกนะ เธอไม่ได้ดูเหมือนคางคก เธอไม่เคยทำร้ายหรือเอาชนะฉันหรือคนอื่นๆ และฉันก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอจะแสดงออกว่ามีมุมมองที่เหมือนอัมบริดจ์เลย (ที่จริง ฉันก็ไม่ได้รู้จักเธอดีพอที่จะรู้มากถึงความคิดหรือความชื่นชอบของเธอ ซึ่งทำให้ความไม่ชอบในตัวเธอของฉันสมเหตุสมผลน้อยลงไปอีก) อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องจริงที่ฉันหยิบยืมบางส่วนมาจากตัวเธอ (จากนั้นก็เกินจริงออกไปมากทีเดียว) ทั้งรสนิยมการแต่งตัวแบบผู้หญิงจ๋าที่หวานแหววจนน่าสะอิดสะเอียด และกิ๊บพลาสติกสีเหลืองเลมอนตัวเล็กๆ นั้นที่ฉันจำได้ตอนที่ใส่เครื่องประดับรูปร่างเหมือนแมลงวันบนหัวของโดโลเรส อัมบริดจ์

ฉันสังเกตเห็นหลายครั้งในชีวิตว่ารสนิยมการแต่งตัวหวานแหววเกินคำบรรยายแบบนี้ไปด้วยกันได้ดีกับทัศนคติที่ไร้ความปราณี ครั้งหนึ่งฉันแบ่งพื้นที่ทำงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ปิดพื้นที่ผนังด้านหลังด้วยรูปลูกแมวขนฟูฟ่องมากมาย เธอเป็นคนที่ทิฐิสูง จ้องจะลงโทษสูงสุดกับใครก็ตาม มันเป็นโชคร้ายของฉันแท้ๆ ที่ต้องแบ่งกาต้มน้ำให้เธอใช้ การที่รักสิ่งหวานแหววดูเหมือนจะเป็นเครื่องแสดงว่าขาดความอบอุ่นและการแบ่งปันที่แท้จริง

ดังนั้น โดโลเรสซึ่งเป็นตัวละครหนึ่งที่ฉันรู้สึกไม่ชอบอย่างแท้จริง กลายมาเป็นการผสมผสานคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้จากหลากหลายแหล่งข้อมูล ความต้องการควบคุมในการลงโทษและสร้างความเจ็บปวดของเธอทั้งหมดในนามของกฎหมายและคำบัญชา ฉันคิดว่า ทุกๆ อณูของเธอนั้นเลวทรามพอๆ กับการครอบงำด้วยอำนาจชั่วร้ายของลอร์ดโวลเดอมอร์

มีการเลือกชื่อของอัมบริดจ์อย่างพิถีพิถัน “โดโลเรส (Dolores)” หมายถึง ความเศร้าโศก เธอสร้างความเจ็บปวดไปทั่วได้อย่างไม่ต้องสงสัย “อัมบริดจ์” เป็นการเล่นคำของคำว่า “อัมบริจ (umbrage)” จากสำนวนภาษาอังกฤษ “‘to take umbrage” หมายถึง ‘การกระทำอันผิดต่อกฎหมาย’  โดโลเรสจะแค้นเคืองใครก็ตามที่ท้าทายทัศนคติอันคับแคบของเธอ ฉันรู้สึกว่านามสกุลของเธอถ่ายทอดถึงความใจแคบและความไม่ยืดหยุ่นของเธอ ทั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายถึงชื่อ ‘เจน (Jane)’ มันแค่ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างน่าสบายใจและเป็นระเบียบไปกับชื่อทั้งสองของเธอ

 


ต้นฉบับภาษาอังกฤษ: https://www.pottermore.com/writing-by-jk-rowling/dolores-umbridge

แปลและเรียบเรียงโดย: Lilaclala Hunter และ Pond_IPH