สัมภาษณ์จากสัตว์มหัศจรรย์: เอซรา มิลเลอร์ แฟนตัวยงของแฮร์รี่ พอตเตอร์

โดย ผู้สื่อข่าวพอตเตอร์มอร์

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2016

เอซรา มิลเลอร์ คุยกับผู้สื่อข่าวพอตเตอร์มอร์เกี่ยวกับการเติบโตขึ้นมาในฐานะแฟนตัวยงของแฮร์รี่ พอตเตอร์

เอซรา มิลเลอร์เดินข้ามมาจากร้านคาเฟ่ตรงมาหาฉัน เขาใส่เสื้อยืดสีเหลืองสดใสใต้เสื้อแจ๊กเก็ตมีฮู้ดลายตารางสีน้ำตาลแดงกับกางเกงยีนส์ ทรงผมที่ออกจะสุดโต่งที่เขาไว้ตั้งแต่กลายเป็นครีเดนซ์เริ่มงอกยาวขึ้นแล้ว เกือบจะนะถ้าตัดสินกันตามที่ได้ยินมาหรือตามความมุ่งมั่นอย่างสุดกำลังก็เถอะ

เอซรานั่งลงบนโต๊ะไม้ตัวยาวตรงข้ามฉัน เขาไม่ได้ดื่มชาร้อนจี๋ที่เขาถืออยู่ในแก้วพลาสติกใสกันความร้อนเลยในขณะที่พวกเราคุยกัน ก็แน่ล่ะ ใครกันจะมีเวลาหยุดพักดื่มชา ในเมื่อพวกเรามีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันตั้งเยอะ ไม่ว่าจะเรื่องชีวิต ความตาย เวทมนตร์ ฮีโร่ โรงเรียนภาคฤดูร้อน ครอบครัว ความรัก การร้องบีทบ็อกซ์ หรือแม้กระทั่งการแสดงที่แสดงอุปมาถึงการมีอยู่ของมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเอ่ยถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเอซรา มิลเลอร์ หลาย ๆ สิ่งจะลงลึกเลย

เอซราอายุ 7 ขวบตอนเริ่มอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ และนับตั้งแต่นั้นมา มันก็ส่งผลที่ขจัดออกไปไม่ได้ในชีวิตของเขา

‘ผมได้ไปออกค่ายก่อนที่ผมจะพร้อมเสียอีก พี่สาวของผมได้ไป และผมก็ยืนกรานขอไปด้วย’ เขาพูด ‘ผมรู้สึกคิดถึงบ้านในแบบที่มันฝังลึกอยู่ข้างใน มันเหมือนกับว่าร่างกายของคุณรู้ดีว่าคุณควรต้องอยู่ใกล้ ๆ พ่อแม่ แต่ผมไม่เป็นอย่างนั้น ผมอยู่ลำพัง’

‘แต่ผมก็มีแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กชายคนนี้เป็นคนที่รู้ดีว่าความโดดเดี่ยวที่แท้จริงเป็นยังไง เขาอยู่เป็นเพื่อนผมช่วยให้ไม่เหงา ผมฟังออดิโอบุ๊คส์ไป 100 รอบ เอ่อ อย่างน้อย 100 รอบสิ ผมอ่านหนังสือแล้วก็ร้องไห้ ผมฟังออดิโอบุ๊คส์แล้วก็ร้องไห้ ผมดูภาพยนตร์แล้วก็ร้องไห้ แต่ผมก็ยังฟังอยู่ดี ผมอายุ 17 ตอนแฮร์รี่ พอตเตอร์มันจบ แต่ผมก็ยังอ่านและฟังอยู่ซ้ำ ๆ ตลอดหลายปีในชีวิตของผมอยู่เลย’

ฉันถามเขาไปอย่างไม่แน่ใจนัก ‘งั้นคุณจะบอกว่าการให้เสียงเล่าเรื่องผลงานของเจ.เค.โรว์ลิ่งโดยสตีเฟ่น ฟราย มันเป็นดนตรีซาวด์แทร็คในชีวิตวัยเด็กของคุณสินะ’

‘ซาวด์แทร็คเป็นทางหนึ่งที่หล่อหลอมมันไว้นะ’ เขาพูดอย่างจริงจังมาก ‘พระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ผมถูกเลี้ยงมาในแบบที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับศาสนานะ แต่แฮร์รี่ พอตเตอร์มันมีคุณค่าทางจิตใจกับผม ผมหมายถึงว่า เมื่อคุณเป็นเด็กและสงสัยว่าจะเข้าใจเรื่องความตายหรือชีวิตได้ยังไง จู่ ๆ คุณก็เจองานเขียนนี่ที่มาตอบข้อสงสัยนั้น แบบว่ามีเด็กสามคนต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งหมดนั่น และต่อสู้เพื่อรักษาความดีบนโลกใบนี้จากภัยคุกคามที่ชั่วร้าย’

นั่นคือสิ่งที่เอซราทำด้วยเหมือนกัน คุณควรจะได้เห็นเขาที่กองถ่ายนะ เขานี่ปล่อยความรื่นเริงไปทั่วทุกแห่งที่เขาไปเลย ตอนที่เขาแสดงในฉากร่วมกับคอลิน ฟาร์เรล พวกนักแสดงสมทบคุยกับฉันเรื่องตัวตนของเอซราระหว่างช่วงเทคจากการถ่ายทำ วิธีที่เขาพูดคุยกับพวกนักแสดงสมทบ หรือทำหน้าตลก ๆ ให้พวกเขาดูก่อนการเดินกล้องถ่ายทำ รวมถึงการร้องบีทบ็อกซ์…

‘อ๊ะ เรื่องร้องบีทบ็อกซ์เหรอ’ เขาถอนหายใจ ‘พวกเรามีเวลาเยอะในกองถ่าย และพวกเราก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงในรถเทรลเลอร์ของพวกเรา รวมถึงหลายชั่วโมงระหว่างช่วงเทคด้วย มันมีเวลาตั้งมากมายสำหรับพวกเราครับ แต่ถ้าคุณเป็นช่างไฟแล้วล่ะก็ คุณจะต้องทำงานตลอดเวลา คุณต้องยืนตลอด 12 ชั่วโมงอยู่หลายวัน ผมเห็นฝ่ายสปาร์ค (ช่างเทคนิคฝ่ายแสง) ยืนกินอาหารกลางวัน ขณะพวกเขาพยายามขึงสายอะไรสักอย่างอยู่ และมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันกับพวกนักแสดงประกอบ บางครั้งพวกเขาก็ต้องยืนอยู่ข้างนอกหลายชั่วโมงต่อเนื่องในความหนาวครับ’

พวกเขาเจออย่างนั้นจริง ๆ ฉันเห็นพวกเขา ฉันเองก็เคยเป็นแบบนั้น พวกนักแสดงประกอบใช้เวลาอยู่กับภาพยนตร์มาก เอซราเป็นนักแสดงที่ทำให้งานมีค่าในทุก ๆ ช่วงเวลาที่แสนหนาวระหว่างรอกล้องพร้อมถ่ายทำ เขาทำให้ผู้คนเพลิดเพลิน เพราะส่วนหนึ่งนั้นเขารู้ดีในเรื่องนี้ และอีกส่วนก็เพราะเขาเป็นตัวกวนโดยธรรมชาติที่เกินเยียวยาอยู่แล้ว

‘ผมไม่อยากอยู่ในบทบาทที่ได้รับตลอดเวลาหรอก ผมคิดถึงความเมตตาและความรักสุด ๆ เลย และผมก็ต้องการพบประสบกับมันทั้งหมดนั่นแหละ’ เขาพูด ‘บางครั้ง แน่ล่ะ ถ้าผมต้องแสดงฉากที่ผมต้องรับเอาชีวิตของครีเดนซ์มา ผมก็จะตื่นขึ้น แต่งตัว และมาที่กองถ่ายพร้อมกับความคิดของครีเดนซ์ แต่ผมเองก็อยากที่จะเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมอยากที่จะสังเกตเวลาที่ใครสักคนใจดีกับผม ผมคิดว่านั่นล่ะเป็นส่วนหนึ่งของงานของผมเลย คอยเป็นคนช่วยให้กำลังใจน่ะ มันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผมทำในกองถ่าย เป็นการนำความสุขมาให้และก็รู้สึกถึงความสุขนั้นด้วย’

‘บางครั้งมันก็ช่วยได้อยู่นะกับฉากที่ออกจะมืดมนน่ะ เพราะบางครั้งคุณก็ต้องรู้สึกถึงความสุขนั่นบ้าง เวลาที่คุณรับบทเป็นใครสักคนที่ไม่เคยรู้เลยว่าความสุขนั้นเป็นยังไง’

เอซราต้องทำแบบเดียวกันนี้เมื่อเขาแสดงบทบาทที่มีชื่อเสียงที่สุดจนถึงเดี๋ยวนี้ของเขาในบทบาทตัวละครชื่อเควิน ในภาพยนตร์เรื่อง We Need to Talk About Kevin ที่เขาแสดงร่วมกับ ทิลดา สวินตัน

‘ในอดีต ผมเข้าถึงตัวละครไปมาก กับตัวละครเควิน ผมฝันเหมือนกับว่าผมคือเควิน เพราะผมลงลึกไปกับตัวตนของเขาและสิ่งที่เขาทำ’

‘ทิลดา สวินตันพูดกับผมว่า ถ้าคุณแสดงออกมาตามจริงในฉาก มันจะกลับมาหาคุณ ถ้าคุณมีสมาธิจดจ่อ มันก็จะมีทุกอย่างพร้อมให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตอารมณ์ต่าง ๆ หรือประสบการณ์ที่คุณต้องการ มันมีอยู่นั่นแล้ว ผมจำคำพูดนั้นไว้และมันก็เป็นความจริงของชีวิตด้วย ถ้าพวกเราอยู่นี่จริง มันก็มีพร้อมให้หมด พวกเรามีมันแล้ว’

ไม่ว่า ‘มัน’ จะคืออะไรก็ตามที เอซรามีมัน เขาหยุดไม่ได้ที่จะทำตัวมีเวทมนตร์นิดหน่อยในทุกท่าทาง แม้กระทั่งเขาเอานิ้วจุ่มลงในชาของเขาที่ตอนนี้อุ่นแล้วและหมุนมันเล่นเล็กน้อย ‘พวกเราควรคุยกันมาราธอนเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์นะคุณว่าไหม ผมคุยได้เป็นชั่วโมง ๆ เลย’

ฉันเชื่อเขาล่ะ การเป็นแฟนด้อมของเอซรามันไม่มีจุดจบหรอก และนั่นอาจเป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดเกี่ยวกับเขาเลย เขาลุกจากโต๊ะ พวกเรากอดกัน และในขณะที่เขาออกจากห้องไป เขาก็ตะโกนขึ้นมาโดยไม่ต้องการคำตอบ ‘คุณคิดยังไงกับอัลบั้มที่สามของวงเดอะเวียร์ดซิสเตอร์สน่ะ’

ก็แล้วแต่เอซราละกัน