บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต (Number 4, Privet Drive)

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในซอยพรีเว็ต เมืองลิตเติลวิงจิง เขตเซอร์รีย์ซึ่งอยู่ทางใต้ของลอนดอน ประเทศอังกฤษ สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟใต้ดินสถานีแพดดิงตัน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.5 น.108)

หลังการแต่งงานของเวอร์นอน เดอร์สลีย์ และเพ็ตทูเนีย เอฟเวนส์ ในช่วงประมาณปี 1978 (Pottermore) เพ็ตทูเนียก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเลขที่ 4 พวกเขาก็ใช้ชีวิตสร้างครอบครัวในบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต ทั้งคู่มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อ ดัดลีย์ เดอร์สลีย์

แฮร์รี่ พอตเตอร์ กลายเป็นสมาชิกอีกคนที่อาศัยในบ้านหลังนี้ร่วมกับครอบครัวเดอร์สลีย์ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 1981 กระทั่งถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 1997

ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าครอบครัวเดอร์สลีย์ย้ายกลับมาบ้านหลังนี้หลังจบการต่อสู้ที่ฮอกวอตส์หรือไม่ และไม่มีข้อสรุปว่าดัดลีย์อาศัยในบ้านหลังนี้หรือไม่หลังจากที่เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว

ลักษณะของบ้าน

“บ้านของเรา! ราคาบ้านแถวนี้พุ่งสูงยังกะจรวด! แกต้องการให้เราออกไปพ้นทาง…”

– เวอร์นอน เดอร์สลีย์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต บ.3 น.39)

บ้านเลขที่ 4 เป็นบ้านสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลังใหญ่ในซอยพรีเว็ต (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.1 น.13) บ้านหลังนี้สะอาดเอี่ยมและเป็นระเบียบอย่างยิ่ง

ภายนอกบ้าน

บนประตูบ้านมีเลขสี่ทำด้วยทองเหลือง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.2 น.30)

ถนนทางเข้าบ้านเลขที่สี่สำหรับจอดรถของลุงเวอร์นอน

สวนดอกไม้หน้าบ้าน

โดยรอบประดับด้วยแนวรั้วต้นไม้ตัดเรียบ เป็นระเบียบ และกำแพงสวนเตี้ยๆ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.1 น.28) จากหน้าต่างห้องนั่งเล่นมีแปลงดอกไฮเดรนเยียพุ่มใหญ่ ซึ่งแฮร์รี่เคยซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มนี้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.1 น.14) นอกจากนี้ยังมีต้นลิลี่แอฟฟริกัน ซึ่งดัมเบิลดอร์เคยออกปากชมว่างอกงามดีมากด้วย (เจ้าชายเลือดผสม บ.3 น.58)

สวนหลังบ้าน

จากประตูหลังบ้านจะเป็นสวนหลังบ้านที่มีม้านั่งในสวน รอบสวนมีแนวรั้วต้นไม้ มีพุ่มไม้ดอก ต้นกุหลาบ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ บ.1 น.18-19, 21) นอกจากนี้ยังมีเรือนกระจก ซึ่งครั้งหนึ่งดัดลีย์เคยโยนเต่าของเขาไปบนหลังคาเรือนกระจกเพื่อเรียกร้องให้ได้ห้องที่สองของเขาคืน หลังจากพ่อกับแม่ยกห้องนอนห้องนั้นให้แฮร์รี่ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.52) นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ในสวนด้วย ซึ่งต้นไม้นี้แฮร์รี่เคยปีนไปอยู่บนต้นไม้เพื่อหนีจากเจ้าริปเปอร์ หมาแสนรักของป้ามาร์จ ในปี 1990 (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.2 น.31)

ภายในบ้าน

ชั้นล่าง

ทางเข้า

ประตูทางเข้าของบ้านเลขที่ 4 มีช่องสำหรับหย่อนจดหมาย

ตู้เก็บของใต้บันได

ระหว่างทางเดินจากห้องนั่งเล่นไปห้องครัวจะมีตู้เก็บของหรือห้องใต้บันได ซึ่งแฮร์รี่ พอตเตอร์ เคยอาศัยอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เด็ก ในนี้มีแค่เตียงกับแมงมุม (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.2 น.31) ก่อนจะย้ายห้องไปอยู่ชั้นบนในห้องนอนซึ่งเคยเป็นของดัดลีย์อีกห้อง

หลังจากที่แฮร์รี่ย้ายไปนอนห้องชั้นบน ห้องใต้บันไดก็กลายเป็นที่สำหรับเก็บข้าวของทั้งหมดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ลั่นกุญแจไว้ไม่ให้เขาแตะต้องระหว่างปิดเทอม (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ บ.1 น.14) จนถึงปี 1993 หลังจากนั้นทุกปิดเทอมหน้าร้อนข้าวของเวทมนตร์ของแฮร์รี่ก็ไม่ได้เก็บไว้ที่นี่อีก มันไปอยู่ในห้องนอนของแฮร์รี่ตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นไป

ห้องนั่งเล่น

ภายในห้องนั่งเล่นมีโทรทัศน์ เครื่องเล่นสเตอริโอ เก้าอี้นวม โต๊ะรับแขกตัวเตี้ย เตาผิงที่มีรูปถ่ายวางอยู่บนหิ้งเหนือเตาผิง รูปถ่ายซึ่งมีแต่สมาชิกครอบครัวเดอร์สลีย์ ไม่มีรูปที่บ่งบอกถึงการอาศัยอยู่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.2 น.30)

ห้องครัว

ห้องครัวอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น (ล.4 บ.3 น.44) ภายในห้องครัวมีโต๊ะอาหาร ครอบครัวเดอร์สลีย์จะกินข้าวในครัว (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.2 น.32) ป้าเพ็ตทูเนียมักใช้เวลาเช็ดถูครัวก่อนเข้านอนเป็นประจำ (เจ้าชายเลือดผสม บ.3 น.58)

ห้องน้ำชั้นล่าง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.55)

ชั้นบน

บ้านของครอบครัวเดอร์สลีย์มีสี่ห้องนอน ห้องหนึ่งเป็นของลุงเวอร์นอนกับป้าเพ็ตทูเนีย อีกห้องสำหรับแขก ซึ่งส่วนใหญ่คือป้ามาร์จ พี่สาวของลุงเวอร์นอน) ห้องหนึ่งเป็นห้องที่ดัดลีย์นอน และอีกห้องเป็นห้องที่ดัดลีย์เก็บของเล่นทั้งหมดและของอื่นๆ ที่เก็บไว้ในห้องนอนแรกของเขาไม่ได้…

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.51

ห้องนอนของเวอร์นอนและเพ็ตทูเนีย หน้าต่างห้องนี้สามารถมองออกไปเห็นสวนหน้าบ้านได้ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.1 น.18)

ห้องนอนของดัดลีย์

ห้องนอนของแฮร์รี่

ก่อนเวอร์นอนและเพ็ตทูเนียจะยกห้องนี้ให้แฮร์รี่ มันเคยเป็นห้องสำรองอีกห้องสำหรับเก็บของที่ดัดลีย์เลิกสนใจแล้วมาก่อน ซึ่งเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุดเมื่อเทียบกับห้องนอนอื่นๆ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.51)

จากหน้าต่างที่สามารถดันบานกระจกให้เลื่อนเปิดขึ้นไปด้านบนได้ ซึ่งมีผ้าม่านตกแต่ง จะมองเห็นโคมไฟริมถนน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.2 น.30) ที่หน้าต่างมีตู้ลิ้นชัก (ห้องแห่งความลับ บ.3 น.43) ภายในห้องนอนมีเตียง เก้าอี้ข้างหน้าต่าง โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า โคมไฟข้างเตียง มีแผ่นไม้กระดานใต้พื้นห้องสำหรับเป็นช่องเก็บของลับ ซึ่งเขาใช้มันซ่อนการบ้านที่แอบเอามาทำ รวมถึงของต่างๆ อย่างของขวัญวันเกิด หรือเค้กที่เขาได้จากเพื่อนๆ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.2 น.34) ประตูห้องนอนมีช่องประตูแมว ที่เวลาเขาถูกกักบริเวณ เพ็ตทูเนียจะใช้ช่องนี้ในการส่งอาหารเข้ามาให้เขา ประตูแมวซึ่งเวอร์นอนติดตั้งเมื่อหน้าร้อนปี 1992 (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.3 น.66)

ในวันที่ 1 สิงหาคม 1992 เป็นวันที่เวอร์นอนจ้างช่างมาติดลูกกรงห้องนอนของแฮร์รี่ และเขาลงมือทำช่องประตูแมวสำหรับสอดอาหารด้วยตนเอง และวันที่ 3 ลูกกรงกน้าต่างก็ถูกพังด้วยความช่วยเหลือของเฟร็ด จอร์จ และรอน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ บ.2, 3)

ห้องนอนสำหรับแขก ป้ามาร์จเคยพักห้องนี้เวลามาเยี่ยมน้องชาย

ห้องน้ำ อย่างน้อยหนึ่งห้อง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.1 น.18)

ประวัติของบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต

1 พฤศจิกายน 1981 ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเฝ้าติดตามครอบครัวเดอร์สลีย์ในร่างของแมวลายตลอดทั้งวัน กระทั่งดัมเบิลดอร์ปรากฎตัวขึ้นในเวลาใกล้เที่ยงคืน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.1)

ค่ำคืนระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 1981 แฮกริดพาแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาตามคำสั่งของดัมเบิลดอร์ และดัมเบิลดอร์ก็วางทารกน้อยไว้ที่บันไดหน้าประตูบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต ในคืนนั้น ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ป้าเพ็ตทูเนียก็พบกับแฮร์รี่ในห่อผ้าหน้าบ้าน อ่านจดหมายที่มาพร้อมกับทารกน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ จดหมายซึ่งดัมเบิลดอร์เป็นคนเขียน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.1)

24 กรกฎาคม 1991 จดหมายจากฮอกวอตส์ส่งมาถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ และเป็นค่ำที่เขาได้ย้ายไปอยู่ห้องนอนที่สองของดัดลีย์ที่ชั้นบน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.51)

25 กรกฎาคม 1991 ดัดลีย์โยนเต่าของเขาไปบนหลังคาเรือนกระจกเพื่อหวังจะได้ห้องนอนของเขาคืน และเป็นอีกวันที่จดหมายส่งมาถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ อีกครั้ง โดยจ่าหน้าซองอย่างชัดเจนว่า “คุณ ฮ. พอตเตอร์ ห้องนอนที่เล็กที่สุด บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต –” (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.52)

26 กรกฎาคม 1991 แฮร์รี่ตั้งนาฬิกาปลุกตัวเองตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อย่องไปถึงประตูหน้าบ้าน ตั้งใจจะไปถึงจดหมายก่อนใคร แต่เขาก็เหยียบเข้ากับหน้าลุงเวอร์นอนที่นอนขวางอยู่ตรงพรมหน้าบ้านเข้าอย่างจัง และเวอร์นอนก็ลงมือทำลายจดหมายและตอกประตูปิดช่องรับจดหมายในวันนั้น (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.54)

ศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 1991 จดหมายไม่น้อยกว่า 12 ฉบับส่งมาถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ มันแทรกผ่านช่องว่างประตูเข้ามาทั้งจากช่องใต้ประตูหรือแม้แต่รอยแยกข้างๆ ประตู และอีกสองสามฉบับดันผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเล็กๆ ในห้องน้ำชั้นล่าง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.55)

เสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 1991 จดหมาย 24 ฉบับส่งมาหาแฮร์รี่ โดยซ่อนอยู่ในไข่สองโหล มันถูกส่งผ่านหน้าต่างห้องครัวมาโดยคนส่งนม (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.55)

เช้าวันอาทิตย์ ที่ 29 กรกฎาคม 1991 เกิดเหตุการณ์จดหมายทะลักเข้าบ้านเดอร์สลีย์ จนเป็นเหตุให้เวอร์นอนตัดสินใจออกจากบ้านหลังนี้ไปอยู่กระท่อมห่างไกลบนโขดหิน (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.3 น.56)

31 สิงหาคม 1991 แฮร์รี่ บอกกับครอบครัวเดอร์สลีย์ในห้องนั่งเล่น เพื่อขอให้พวกเขาไปส่งที่สถานีคิงส์ครอสในวันรุ่งขึ้น (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ บ.6 น.112)

31 กรกฎาคม 1992 แฮร์รี่ พอตเตอร์ อายุครบ 12 ปี และเป็นวันเดียวกับที่ด๊อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้านของตระกูลมัลฟอยมาหาเขา จ้องมองเขามาจากพุ่มไม้ และมาอยู่ในห้องนอนของแฮร์รี่ พยายามไม่ให้แฮร์รี่กลับไปเรียนที่ฮอกวอตส์ เพราะต้องการปกป้องแฮร์รี่จากแผนการชั่วร้ายของลูเซียส มัลฟอย กระทั่งทำให้แผนการเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจบริษัทผลิตสว่านของเวอร์นอนกับครอบครัวเมสันล่มไม่เป็นท่า (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ บ.1, 2)

1 สิงหาคม 1992 ลุงเวอร์นอนจ้างช่างมาติดลูกกรงที่หน้าต่างห้องนอนของแฮร์รี่ หลังจากที่การเซ็นสัญญากับครอบครัวเมสันพังพินาศ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ บ.2 น.36)

3 สิงหาคม 1992 แฮร์รี่ พอตเตอร์ หนีออกจากบ้านเลขที่ 4 ด้วยความช่วยเหลือของรอน เฟร็ด และจอร์จ พวกเขามาช่วยแฮร์รี่ออกจากห้องที่ปิดลูกกรงด้วยรถฟอร์ดแองเกลียบินได้

26 มิถุนายน 1993 รอน วีสลีย์ พยายามโทรหาแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผ่านโทรศัพท์ของมักเกิ้ล (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.1 น.14)

เวลาหนึ่งนาฬิกาของวันที่ 31 กรกฎาคม 1993 แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับจดหมาย บัตรอวยพรวันเกิด และของขวัญวันเกิดจากนกฮูกสามตัวคือ แอรัล เฮ็กวิก และนกฮูกสีน้ำตาลทอง ซึ่งเป็นจดหมายและพัสดุจากรอน เฮอร์ไมโอนี่ และแฮกริด รวมถึงจดหมายจากฮอกวอตส์ที่แจ้งวันเดินทางและการอนุญาตให้นักเรียนปีสามไปฮอกส์มี้ดในวันสุดสัปดาห์บางครั้ง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.1)

ในสายของวันเดียวกัน ป้ามาร์จ พี่สาวของลุงเวอร์นอนเดินทางมาพักที่บ้านเลขที่ 4 ด้วยหนึ่ง สัปดาห์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.1 น.30)

2 สิงหาคม 1993 แฮร์รี่เผลอใช้เวทมนตร์โดยไม่ได้ตั้งใจจนทำให้แก้วไวน์ในมือของป้ามาร์จแตกเปรี๊ยะคามือหลังจากเปรียบเทียบแม่เขากับสุนัข “ถ้าหากตัวแม่หมาไม่ดี ลูกหมามันก็ไม่ดีตามไปด้วย” (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.1 น.39 ระบุว่าเป็นวันที่ 3 ที่ป้ามาร์จมาอยู่ด้วย)

6 สิงหาคม 1993 วันสุดท้ายในการมาเยี่ยมครอบครัวดัดลีย์ของป้ามาร์จ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เดือดดาลจากคำพูดแย่ๆ ของป้ามาร์จ เผลอเสกให้ป้าพองลมเป็นลูกโป่ง ก่อนจะขนข้าวของจำเป็นหนีออกจากบ้านเลขที่ 4 ไป (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน บ.1 น.41)

หน้าร้อนปี 1994 ครอบครัวเดอร์สลีย์ต้องจำกัดอาหารเพื่อควบคุมไม่ให้น้ำหนักของดัดลีย์มากเกินเกณฑ์ของพยาบาลประจำโรงเรียนของดัดลีย์ไปมากกว่านี้ และนั่นทำให้ทุกคนในบ้านต้องถูกควบคุมอาหารกันไปด้วย (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.3)

เสาร์ที่ 16 สิงหาคม 1994 แฮร์รี่ ได้รับจดหมายเชิญได้ร่วมงานควิดดิชเวิลด์คัพรอบชิงชนะเลิศจากมอลลี่ วีสลีย์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.3 น.45)

อาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 1994 อาเธอร์ เฟร็ด จอร์จ และรอนเดินทางมายังบ้านเลขที่ 4 ด้วยเครือข่ายฟลู ผ่านเตาผิงของห้องนั่งเล่นที่ปิดตายของบ้าน (พวกเขาใช้เครื่องทำความอุ่นไฟฟ้าแทน) ในเวลาให้หลังห้าโมงครึ่งซึ่งพวกเขามารับแฮร์รี่สาย (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี บ.4 น.58) ซึ่งความผิดพลาดนี้ทำให้อาเธอร์ตัดสินใจระเบิดช่องทางเตาผิงที่ปิดตาย และทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตอย่างยิ่งในห้องนั่งเล่น เพราะเฟร็ดแกล้งทำลูกอมลิ้นล้นตกและดัดลีย์เผลอกินมันเข้าไป

2 สิงหาคม 1995 จดหมายจากกระทรวงเวทมนตร์ส่งมาถึงแฮร์รี่ต่อหน้าครอบครัวดัดลีย์ รายงานว่าเขาต้องเข้ารับการพิจารณาคดีโทษฐานใช้เวทมนตร์ต่อหน้ามักเกิ้ล (เพราะเสกคาถาผู้พิทักษ์ขับไล่ผู้คุมวิญญาณที่อัมบริดจ์แอบส่งมา) และในคืนเดียวกันนั้นเพ็ตทูเนียก็ได้รับจดหมายกัมปนาทจากดัมเบิลดอร์ ที่ก้องสะท้อนไปทั้งห้องครัวว่า “จำครั้งสุดท้ายของฉันไว้ เพ็ตทูเนีย” และนั่นทำให้การไล่แฮร์รี่ออกจากบ้านโทษฐานทำร้ายดัดลีย์แสนรักของเวอร์นอนสิ้นสุดลง (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.2)

6 สิงหาคม 1995 กองระวังหน้ามายังบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต เพื่อพาตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไปยังบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.3)

9 กรกฎาคม 1996 แฮร์รี่ ได้รับจดหมายจากดัมเบิลดอร์ ที่ระบุว่าเขาจะเดินทางมายังบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต ในวันศุกร์ เวลาห้าทุ่ม เพื่อพาแฮร์รี่ไปส่งยังบ้านโพรงกระต่าย (เจ้าชายเลือดผสม บ.3 น.55)

12 กรกฎาคม 1996 ดัมเบิลดอร์เดินทางมายังบ้านของครอบครัวเดอร์สลีย์ และพูดคุยกับครอบครัวเดอร์สลีย์ในห้องนั่งเล่นของบ้าน ก่อนจะพาแฮร์รี่ไป (เจ้าชายเลือดผสม บ.3)

27 กรกฎาคม 1997 ครอบครัวเดอร์สลีย์ย้ายออกจากบ้านเลขที่ 4 ไปยังที่ปลอดภัยที่ภาคีนกฟีนิกซ์จัดการให้ เป็นวันเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์พอตเตอร์ทั้ง 7 คน และเวทมนตร์คุ้มครองบ้านนี้สิ้นสุดลง

เวทมนตร์คุ้มครองบ้าน

ดัมเบิลดอร์เป็นผู้เสกมนตร์คุ้มครองบ้านหลังนี้ เพื่อหวังให้บ้านหลังนี้ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ ปลอดภัย ซึ่งมนตร์ดังกล่าวนี้จะหยุดทำงานทันทีเมื่อแฮร์รี่อายุสิบเจ็ดปี (เจ้าชายเลือดผสม บ.3 น.67)

“ตราบใดที่เธอยังสามารถเรียกสถานที่ที่เลือดของแม่เธออาศัยอยู่ว่าเป็นบ้านของเธอ  เมื่อนั้นโวลเดอมอร์จะไม่สามารถแตะต้องหรือทำอันตรายเธอได้เลย เขาทำให้แม่ของเธอเลือดตก แต่เลือดของแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ในตัวเธอและในตัวพี่สาว  เลือดของแม่ของเธอได้กลายเป็นที่หลบภัยของเธอ  เธอจำเป็นที่จะต้องกลับไปที่บ้านนั่นเพียงครั้งเดียวแต่ละปี  แต่ตราบเท่าที่เธอยังคงเรียกที่นั่นว่าเป็นบ้าน  ตราบเท่าที่เธอยังอยู่ที่นั่น  เขาจะทำอันตรายเธอไม่ได้เลย  ป้าของเธอรู้เรื่องนี้  ฉันอธิบายสิ่งที่ฉันได้ทำไว้ในจดหมายที่ฉันทิ้งไว้กับเธอที่หน้าประตูบ้าน  ป้าของเธอรู้ว่าเมื่อยกห้องให้เธออยู่แค่ห้องหนึ่งในบ้านนั้นเท่ากับช่วยให้เธอมีชีวิตรอดมาได้ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมานี้”

– อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.37 น.1006)

แนวคิดของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง (Pottermore)

ชื่อถนนที่ครอบครัวเดอร์สลีย์อาศัยอยู่นั้น อ้างอิงถึงต้นไม้ที่ปลูกกันมากในชนบท นั่นคือ “พุ่มพรีเว็ต” ที่ปลูกเรียงเป็นแนวพุ่มไม้อย่างเป็นระเบียบรอบสวนมากมายในอังกฤษ ฉันชอบความสัมพันธ์ของชานเมืองกับรั้วล้อมที่เหมือนๆกัน พวกเดอร์สลีย์เป็นพวกชนชั้นกลางที่ไม่น่าคบหา และมีความแน่วแน่ที่จะแยกตัวออกห่างจากโลกเวทมนตร์ ชื่อของพื้นที่ที่พวกเขาอาศัย คือ ‘ลิตเติลวิงจิง’ เป็นอีกครั้งที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเหมาะกับความคิดคับแคบ และหัวสูง คำว่า ‘วิงจิง’ (Whinging) เป็นภาษาพูดในอังกฤษ สำหรับ “พวกขี้บ่น หรือขี้แย”

ถึงแม้ฉันจะอธิบายไปว่า บ้านของพวกเดอร์สลีย์ใหญ่และเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งคู่ควรกับตำแหน่งผู้จัดการบริษัทของลุงเวอร์นอน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันเขียนเกี่ยวกับมัน ฉันจะนึกถึงภาพบ้านหลังที่สองที่ฉันเคยอาศัยสมัยยังเด็กออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งในทางตรงกันข้ามมันเป็นบ้าน 3 ห้องนอนที่ค่อนข้างเล็ก ในย่านชานเมืองของวินเทอร์บอร์น (Winterbourne) ใกล้กับบริสตัล ฉันเป็นคนแรกที่คิดเรื่องนี้ได้ เมื่อฉันเข้าไปยังบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นที่ ลีฟส์เด็น สตูดิโอ และฉันก็ได้พบตัวเองในแบบจำลองของบ้านหลังเก่าของฉัน ลงไปสู่ตำแหน่งของห้องใต้บันได และตำแหน่งที่แม่นยำของห้องต่างๆ ในขณะที่ฉันไม่เคยอธิบายเกี่ยวกับบ้านเก่าของฉันให้กับทีมออกแบบ, ผู้อำนวยการสร้าง หรือผู้ผลิต นี่จึงเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกนั่งไม่ติด กับการถ่ายทำภาพยนตร์หนังสือพอตเตอร์ ที่ได้นำฉันมาที่นี่

สำหรับเหตุผลที่แย่มากๆของฉัน คือ ฉันไม่เคยชื่นชอบเลข 4 เลย ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่า มันเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างไร้เมตตาและไร้การให้อภัย เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันปะมันลงหน้าประตูบ้านเดอร์สลีย์

(อ้างอิง https://www.pottermore.com/writing-by-jk-rowling/number-four-privet-drive)

พื้นที่ข้างเคียง

  • ซอยวิสเทอเรีย เป็นอีกซอยข้างเคียงซอยพรีเว็ต ซึ่งบ้านของมิสซิสฟิกอยู่ในซอยนี้ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.1 น.15)
  • ถนนแมกโนเลียเครสเซนต์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.1 น.22) ถนนที่แฮร์รี่เคยเจอกับซิเรียสในร่างของหมาดำตัวใหญ่
  • บ้านเลขที่ 7 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านเลขที่ 4 (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.1 น.18)

เกร็ดน่ารู้

  • เซอร์รีย์ (Surrey) เป็นชื่อเขตที่มีอยู่จริงในอังกฤษ