ห้องต้องประสงค์ (Room of Requirement)

ห้องต้องประสงค์เป็นห้องลับที่เปี่ยมเวทมนตร์ที่สุดห้องหนึ่งของฮอกวอตส์ มันจะปรากฏเฉพาะคนที่มีความต้องการมากจริง ๆ ห้องแห่งนี้เป็นที่รู้จักในหมู่เอลฟ์ประจำบ้านว่า “ห้องไป ๆ มา ๆ (Come and Go Room)” (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

“ด๊อบบี้ได้ยินเรื่องนี้จากเอลฟ์ประจำบ้านอื่น ๆ ตอนเขามาถึงฮอกวอตส์ครับ ห้องนี้เรารู้จักกันในชื่อห้องไป ๆ มา ๆ ครับ หรือที่เรียกอีกชื่อว่าห้องต้องประสงค์!”

“เพราะว่าเป็นห้องที่คนจะเข้าไปได้ต่อเมื่อพวกเขาจำเป็นต้องใช้มันจริง ๆ บางทีมันก็อยู่ตรงนั้น บางทีก็ไม่อยู่ แต่ถ้ามันปรากฏออกมา มันจะมีของทุก ๆ อย่างที่ผู้ค้นหาต้องการเลย…”

– ด๊อบบี้ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

ใครก็ตามที่พบห้องต้องประสงค์จะได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ เช่น ที่สำหรับซ่อนของ ที่สำหรับแอบหรือหนี ที่สำหรับเรียนป้องกันตัวอย่างลับ ๆ หรือแม้กระทั่งห้องที่จะมีอุปกรณ์ทำความสะอาดมากมายในนั้น

ตำแหน่งที่ตั้งในฮอกวอตส์

ทางเข้าห้องต้องประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นเมื่อร้องขอความต้องการ
ทางเข้าห้องต้องประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นเมื่อร้องขอความต้องการ

ห้องต้องประสงค์ตั้งอยู่ที่ชั้น 7 ของปราสาทฮอกวอตส์ ตรงข้ามม่านปักผืนมหึมาของบาร์นาบัสจอมเพี้ยนที่ฝึกสอนโทรลล์ให้เต้นบัลเล่ต์และถูกพวกมันเอากระบองฟาดหัว คุณจะต้องเดินผ่านกำแพงตรงนี้สามหน ตั้งสมาธิอย่างหนัก นึกถึงสิ่งที่เราต้องการ เมื่อเดินผ่านครบสามหนด้วยการเลี้ยวกลับที่หน้าต่างเลยกำแพงว่างเปล่าไปหน่อย แล้วเลี้ยวอีกครั้งตรงแจกันขนาดเท่าตัวคนที่สุดกำแพงอีกด้าน คุณจะพบกับประตูขัดมันวับมีลูกบิดทองเหลืองปรากฏอยู่บนกำแพงที่เคยว่างเปล่า (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

ม่านปักผืนมหึมาของบาร์นาบัสจอมเพี้ยนที่ฝึกสอนโทรลล์ให้เต้นบัลเล่ต์และถูกพวกมันเอากระบองฟาดหัว
ม่านปักผืนมหึมาของบาร์นาบัสจอมเพี้ยนที่ฝึกสอนโทรลล์ให้เต้นบัลเล่ต์และถูกพวกมันเอากระบองฟาดหัว Concept Art โดย Adam Brockbank

เมื่อปิดประตูไม่ว่าจะด้านในหรือด้านนอก มันจะกลายกลับเป็นกำแพงหินทันที (เจ้าชายเลือดผสม บ.24)

ใกล้ ๆ กับกำแพงที่เป็นทางเข้าห้องต้องประสงค์มีห้องน้ำอยู่ด้วย ครั้งหนึ่งดัมเบิลดอร์ต้องการจะเข้าห้องน้ำที่ชั้น 7 แต่บังเอิญเลี้ยวผิดไปพบกับห้องต้องประสงค์เข้า (ถ้วยอัคนี บ.23)

ประวัติของห้องต้องประสงค์

1927
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เข้าไปในห้องต้องประสงค์เรียบโล่ง ที่มีกระจกเงาแห่งแอริเซดตั้งอยู่กลางห้อง โดยมีผ้าม่านกำมะหยี่สีดำคลุมไว้ เพื่อเฝ้ามองอดีตของตนเองกับเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ในกระจกเงาแห่งแอริเซด (ภ.อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ ฉากที่ 73)

1932
ดัมเบิลดอร์ที่ขณะนั้นยังไม่เป็นอาจารย์ใหญ่ พานิวท์ ธีซีอุส บันตี้ ลัลลี่ และเจคอบ (มักเกิ้ล) มายังห้องต้องประสงค์ เพื่อใช้กุญแจนำทางพิเศษไปยังสถานที่จัดประกาศผลเลือกตั้งอิสรชนสูงสุดที่ภูฏานเพื่อหยุดยั้งแผนการของกรินเดลวัลด์ (ภ.ความลับของดัมเบิลดอร์)

ห้องต้องประสงค์ จาก ภ.ความลับของดัมเบิลดอร์
ห้องต้องประสงค์ จาก ภ.ความลับของดัมเบิลดอร์

ช่วงปี 1965-1971
สิบปีหลังจากเฮปซิบาห์เสียชีวิต (ช่วงปี 1955-1961) โวลเดอมอร์ก็กลับมายังฮอกวอตส์เพื่อทวงขอตำแหน่งศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่ฮอกวอตส์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดัมเบิลดอร์ขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว แม้เขาจะถูกปฏิเสธในตำแหน่ง แต่เขาก็มีอีกจุดประสงค์ในการกลับมาด้วย นั่นคือการเอารัดเกล้าของเรเวนคลอที่ถูกทำให้กลายเป็นฮอร์ครักซ์อีกชิ้นของเขามาซ่อนไว้ในห้องต้องประสงค์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.20)

1991
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เอากระจกเงาแห่งแอริเซดออกมาจากห้องต้องประสงค์ เพื่อนำมันไปใช้เป็นหนึ่งในการปกป้องศิลาอาถรรพ์จากโวลเดอมอร์ (Pottermore)

????
บางครั้งเวลาที่ของหมด ฟิลช์ก็จะเจออุปกรณ์ทำความสะอาดเพิ่มเติมจากห้องต้องประสงค์ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

????
เฟร็ดกับจอร์จเคยใช้ห้องนี้หลบฟิลช์ แต่ตอนนั้นมันเป็นแค่ห้องเก็บไม้กวาด (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

“พิลึกมากเลยล่ะ เราเคยเข้ามาหลบฟิลช์ในห้องนี้หนหนึ่ง จำได้ไหม จอร์จ แต่ว่าตอนนั้นมันเป็นแค่ห้องเก็บไม้กวาดนี่นา”

– เฟร็ด วีสลีย์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

25 ธันวาคม 1994
ดัมเบิลดอร์บอกกับอีกอร์ คาร์คารอฟว่าเขาเคยใช้ห้องต้องประสงค์โดยบังเอิญตอนที่ตั้งใจจะเข้าห้องน้ำแต่ดันเลี้ยวผิดไปเจอห้องที่สัดส่วนสวยงามที่มีกระโถนปัสสาวะแบบต่าง ๆ

“ตัวผมไม่เคยคิดจะอวดอ้างว่ารู้ความลับทุกเรื่องของฮอกวอตส์เลยอีกอร์ อย่างเช่นเมื่อเช้านี้ ผมเลี้ยวผิดตอนไปห้องน้ำ แล้วเลยเข้าไปในห้องที่สัดส่วนสวยงามที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ในห้องยังมีกระโถนแบบต่าง ๆ ที่น่าทึ่งด้วย พอผมจะย้อนกลับไปดูให้ละเอียดก็พบว่าห้องนั้นหายไปแล้ว แต่ผมจะคอยมองหามันนะ เป็นไปได้ว่าจะเข้าไปในห้องนั้นได้ก็แต่เฉพาะเวลาตีห้าครึ่ง หรือมันอาจปรากฏให้เห็นก็แต่ตอนขึ้นสี่ค่ำเท่านั้น… หรือเวลาที่ผู้ตามหาห้องนี้มีกระเพาะปัสสาวะเต็มล้นเป็นพิเศษ”

– อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (ถ้วยอัคนี บ.23)

ช่วงระหว่างปี 1994
ด๊อบบี้เคยใช้ห้องนี้เพื่อพาวิงกี้ที่เมาบัตเตอร์เบียร์อย่างหนักมาซ่อนไว้ ซึ่งด๊อบบี้ได้เจอยาถอนพิษบัตเตอร์เบียร์ในห้องนี้ พร้อมกับเตียงขนาดพอดีกับเอลฟ์ให้วิงกี้ได้นอนพักระหว่างรอให้สร่างเมา (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

“ห้องนี้ไม่ใช่แค่ความคิดเพี้ยน ๆ ของด๊อบบี้หรอก ดัมเบิลดอร์ก็รู้เรื่องด้วยเหมือนกัน เขาเคยพูดให้ฉันฟังตอนงานเลี้ยงเต้นรำวันคริสต์มาส”

– แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18

9 ตุลาคม 1995- เมษายน 1996
สมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ใช้ห้องต้องประสงค์เป็นที่ฝึกซ้อมและเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยเริ่มใช้ห้องนี้ครั้งแรกวันที่ 9 ตุลาคม 1995 เวลาสองทุ่ม (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18, 27)

“เราต้องการที่สำหรับใช้เรียนต่อสู้… ขอที่ที่จะใช้ฝึกให้เรา… ที่ไหนที่พวกเขาจะหาเราไม่เจอ…”

– แฮร์รี่ (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

พวกเขาพบกับห้องที่แนวกำแพงเรียงรายด้วยตู้หนังสือไม้ มีหนังสือนับร้อยเล่ม และแทนที่จะมีเก้าอี้ กลับมีเบาะผ้าไหมใบโต ๆ วางอยู่ตามพื้น ที่อีกฟากห้อง มีชั้นที่วางเครื่องมือต่าง ๆ เช่น สนีกโคสโคป เครื่องตรวจจับความลับ และกระจกส่องศัตรูบานใหญ่มีรอยร้าว ซึ่งแฮร์รี่มั่นใจว่าเมื่อปีก่อนเคยแขวนอยู่ในห้องทำงานของมู้ดดี้ตัวปลอม ประตูห้องที่พวกเขาใช้ฝึกซ้อมสามารถใช้กุญแจล็อกได้ (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.18)

  • ธันวาคม 1995 ด๊อบบี้เข้ามาตกแต่งห้องเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสด้วยมิสเซิลโท ลูกบอลประดับสีทองนับร้อย ๆ ลูกที่ร้อยลงมาจากเพดาน แต่ละลูกมีใบหน้าของแฮร์รี่ พอตเตอร์ติดอยู่ พร้อมตัวหนังสือเขียนว่า “HAVE A VERY HARRY CHRISTMAS!” (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21)
  • 18 ธันวาคม 1995 สมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์นัดพบกันครั้งสุดท้ายก่อนวันหยุดช่วงคริสต์มาสจะมาถึง ซึ่งวันนี้ยังเป็นวันที่แฮร์รี่มีจูบแรกกับโช แชงด้วย (ภาคีนกฟีนิกซ์ บ.21)

1996
ตู้อันตรธานที่เฟร็ดกับจอร์จยัดมอนทาคิวเข้าไปติด ถูกย้ายมาทิ้งไว้ในห้องต้องประสงค์ หลังจากที่เขาหายตัวออกมาสำเร็จ (เจ้าชายเลือดผสม บ.27)

1997
ขณะที่เดรโก มัลฟอย เรียนอยู่ชั้นปีที่ 6 เขาได้ใช้เวลาตลอดทั้งปีที่โรงเรียนในห้องต้องประสงค์ เพื่อซ่อมตู้อันตรธาน สำหรับใช้เป็นทางเชื่อมพาผู้เสพความตายเข้ามาในฮอกวอตส์ผ่านตู้อีกใบในร้านบอร์กินและเบิร์กส์ (เจ้าชายเลือดผสม บ.27) ซึ่งด๊อบบี้กับครีเชอร์ได้รายงานกับแฮร์รี่ว่าเดรโกใช้ห้องนี้วันที่ 16 มีนาคม 1997 (เจ้าชายเลือดผสม บ.21) เขาซ่อมแซมตู้จนสำเร็จในเดือนมิถุนายน (เจ้าชายเลือดผสม บ.25) และพาผู้เสพความตายเข้าปราสาทมาในวันที่ 30 มิถุนายน 1997 (เจ้าชายเลือดผสม บ.27)

8 พฤษภาคม 1997
แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ใช้ห้องนี้ในการซ่อนตำราปรุงยาขั้นสูงของเจ้าชายเลือดผสม โดยซ่อนมันไว้ในตู้ใบใหญ่ที่ดูเหมือนถูกน้ำกรดสาดใส่ฝาที่พุพอง ภายในตู้มีบางอย่างซึ่งอยู่ในกรงและตายมานมนานแล้ว โครงกระดูกของมันมีห้าขา เขาซ่อนหนังสือเอาไว้หลังกรง แล้วกระแทกประตูที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดปิด และทำสัญลักษณ์ที่ซ่อนไว้ด้วยรูปสลักครึ่งตัวบิ่น ๆ ของพ่อมดแก่น่าเกลียดจากบนลังไม้มาวางบนหลังตู้ เอาผมปลอมเก่า ๆ ฝุ่นจับและมงกุฎหมอง ๆ ครอบทับลงไปบนหัวรูปสลักเพื่อให้ดูเด่นยิ่งขึ้น มงกุฎอันนี้รู้จักกันภายหลังในชื่อที่ถูกต้องว่า “รัดเกล้าของโรวีน่า เรเวนคลอ(เจ้าชายเลือดผสม บ.24)

ห้องต้องประสงค์สำหรับใครก็ตามที่ต้องการซ่อนบางสิ่งบางอย่าง
ห้องต้องประสงค์สำหรับใครก็ตามที่ต้องการซ่อนบางสิ่งบางอย่าง

ห้องสำหรับซ่อนของมีขนาดเท่ามหาวิหารมหึมา หน้าต่างบานสูงส่งลำแสงลงมาทาบบนสิ่งที่ดูเหมือนนครที่เต็มไปด้วยกำแพงสูงตระหง่าน สร้างขึ้นด้วยสิ่งที่แฮร์รี่รู้ว่าต้องเป็นข้าวของที่ชาวฮอกวอตส์หลายต่อหลายรุ่นซุกซ่อนไว้ มีซอยและถนนมากมาย สองข้างทางคือเครื่องเรือนหักพังหรือชำรุดที่กองสุมไว้ง่อนแง่น บางทีอาจถูกเก็บไว้เพื่อซ่อนหลักฐานการใช้เวทมนตร์ในทางที่ผิด หรือไม่ก็เป็นพวกเอลฟ์ประจำบ้านที่ภูมิใจกับปราสาทนำมาซ่อนไว้ มีหนังสือเป็นพัน ๆ เล่ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นหนังสือต้องห้าม หรือถูกขีดเขียนจนเปรอะ หรือหนังสือที่ขโมยมา มีหนังสติ๊กติดปีกและฟริสบี้เขี้ยวคม บางอันยังมีชีวิตพอจะบินอย่างไม่ค่อยเต็มใจเหนือทิวเขาแห่งของต้องห้ามอื่น ๆ มีขวดบิ่น ๆ ที่บรรจุน้ำยาข้นแข็ง หมวก เครื่องประดับ เสื้อคลุม สิ่งที่ดูคล้ายเปลือกไข่มังกร ขวดปิดจุกซึ่งของบรรจุภายในส่งประกายอย่างชั่วร้าย ดาบสนิมเขรอะหลายเล่ม ขวานหนักเปื้อนเลือดหนึ่งเล่ม โทรลล์สตัฟฟ์ตัวมหึมา ตู้อันตรธานที่ชำรุด (เจ้าชายเลือดผสม บ.24)

ห้องแห่งนี้ไม่สามารถใช้คาถาเรียกของได้ (เครื่องรางยมทูต บ.31)

ราวมิถุนายน 1997
สองสามสัปดาห์หลังจากที่แฮร์รี่เอาตำราปรุงยาขั้นสูงมาสอน เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและพบทรีลอว์นีย์ถูกโยนออกมาจากห้องต้องประสงค์ พร้อมกับขวดเหล้าเชอร์รีหลายใบที่เธอตั้งใจจะเอามันไปซ่อน

ทรีลอว์นีย์: “ฉัน–เอ๊ะ–ฉันไม่ยักรู้ว่าพวกนักเรียนรู้เรื่อง–“

แฮร์รี่: “ไม่ใช่นักเรียนทั้งหมดหรอกครับ แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ อาจารย์ร้องกรี๊ด… ฟังดูเหมือนว่าอาจารย์บาดเจ็บ…”

– เจ้าชายเลือดผสม บ.25

ทรีลอว์นีย์เล่าว่าเธอเข้าไปในห้องแล้วพบกับเสียงโห่ร้องยินดีจากคนที่อยู่ในห้องนั้นก่อนเธอ ซึ่งเธอไม่เคยเจอใครมาก่อนเลยตลอดเวลาที่แอบเอาเหล้าเชอร์รี่มาซ่อนก่อนหน้านี้ ทันทีที่เธอตะโกนถามว่าใครอยู่ที่นั่น ห้องก็มืดมิดลง แล้วเธอก็ถูกทุ่มออกมาจากห้อง ซึ่งเสียงที่เธอได้ยินเราทราบภายหลังว่าเป็นเสียงของเดรโก แครบ และกอยล์ ที่ซ่อมตู้อันตรธานจนสำเร็จนั่นเอง (เจ้าชายเลือดผสม บ.25)

กลางเดือนเมษายน 1998 – 1 พฤษภาคม 1998
นักเรียนมากกว่ายี่สิบคนที่ต่อต้านผู้เสพความตายมาซ่อนและรวมตัวกันอยู่ในห้องแห่งนี้เกือบสองอาทิตย์ แฮร์รี่มองเห็นภาพอันสับสน มีผ้าแขวนหลากสี และตะเกียง เขาไม่รู้จักห้องนี้มาก่อน มันมีขนาดมโหฬาร หน้าตาเหมือนบ้านต้นไม้ที่ใหญ่โตโอ่อ่า หรือไม่ก็ห้องเคบินบนเรือยักษ์ เปลญวนหลายหลากสีขึงห้อยจากเพดานและระเบียงซึ่งทอดไปรอบห้อง ผนังห้องกรุด้วยแผ่นไม้สีเข้ม ไม่มีหน้าต่าง ประดับประดาด้วยผ้าแขวนผนังสีสดใส แฮร์รี่เห็นสิงโตทองของกริฟฟินดอร์ประดับอยู่บนผ้าสีแดง ตัวแบดเจอร์สีดำของฮัฟเฟิลพัฟทาบบนผ้าสีเหลือง และนกอินทรีสีบรอนซ์ของเรเวนคลอบนผ้าสีน้ำเงิน มีแต่สีเงินและเขียวของสลิธีรินที่ขาดหายไป มีตู้หนังสือที่แน่นแทบจะล้น ไม้กวาดสองสามอันพิงไว้ข้างฝา ตรงมุมห้องตั้งวิทยุไม้เครื่องใหญ่ และมีห้องน้ำอย่างดีในนี้ด้วย (เครื่องรางยมทูต บ.29)

ห้องต้องประสงค์กลายเป็นที่ซ่อนตัวของกองทัพดัมเบิลดอร์ (ภ.แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2)
ห้องต้องประสงค์กลายเป็นที่ซ่อนตัวของกองทัพดัมเบิลดอร์ (ภ.แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2)

“ห้องต้องประสงค์น่ะสิ! ดูดีเกินคาดเลยใช่ไหม ก็พวกพี่น้องแคร์โรว์ตามล่าฉันอยู่ แล้วฉันก็รู้ว่ามีที่เดียวที่จะซ่อนได้ ฉันผ่านประตูเข้ามาสำเร็จ แล้วก็พบห้องนี้แหละ! ตอนแรกที่ฉันมาถึงมันไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ เล็กกว่านี้เยอะเลย แล้วก็มีแค่เปลญวนปากหนึ่งกับผ้าแขวนของกริฟฟินดอร์เท่านั้นเอง แต่พอสมาชิก ก.ด. มากันมากขึ้น มันก็ขยายออกไปเรื่อย ๆ”

“…ฉันมาอยู่ในนี้ได้สักวันครึ่ง แล้วฉันก็หิวมาก ๆ ก็เลยคิดว่าถ้ามีอะไรกินบ้างก็คงดี แล้วทางไปร้านหัวหมูก็เปิดออก ฉันเดินเข้าไปแล้วก็เจออาเบอร์ฟอร์ธ เขาเป็นคนจัดหาอาหารให้เราตลอด เพราะนั้นเป็นอย่างเดียวที่ห้องนี้ทำให้ไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”

– เนวิลล์ ลองบอตทอม (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต บ.29)

2 พฤษภาคม 1998
แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ เข้าไปในห้องต้องประสงค์เพื่อตามหารัดเกล้าของเรเวนคลอที่โวลเดอมอร์สร้างให้มันกลายเป็นฮอร์ครักซ์แล้วเอามาซ่อนไว้ ซึ่งแฮร์รี่จดจำได้แล้วว่าเขาเคยเห็นรัดเกล้านี้ตอนที่เขาเอาตำราปรุงยาขั้นสูงมาซ่อนเมื่อเดือนพฤษภาคม 1997 มันเป็นมงกุฎที่แฮร์รี่เอามาสวมให้รูปปั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาเอาหนังสือมาซ่อนไว้ตรงไหน (เจ้าชายเลือดผสม บ.24) แต่ก่อนที่แฮร์รี่จะไปถึงรัดเกล้า เขาก็ถูกแครบ กอยล์ และเดรโกขัดขวาง เพลิงปีศาจของแครบที่เสกขึ้นมาเผาทำลายทุกอย่างในห้องต้องประสงค์และพาเขาไปสู่ความตายด้วย ก่อนที่ทั้งห้าคนจะหนีรอดด้วยไม้กวาดบินออกมาจากห้อง แฮร์รี่ก็เห็นรัดเกล้าถูกเพลิงปีศาจสำรอกมันออกมา เขาบินตรงไปคว้ามันเอาไว้ได้ มันมีสารสีคล้ำข้นเหนียวเหมือนเลือดไหลออกมาและแตกหักในมือของเขา หลังจากที่รอดชีวิตออกมาจากห้องที่ถูกไฟจากคำสาปกลืนกิน (เครื่องรางยมทูต บ.31)

เกร็ดน่ารู้

  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์ ภาพยนตร์ได้เปลี่ยนคนค้นพบห้องต้องประสงค์เป็น เนวิลล์ ลองบอตทอม ซึ่งแตกต่างจากหนังสือที่ด๊อบบี้เป็นคนอธิบายกับแฮร์รี่
  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม แฮร์รี่กับจินนี่มีจูบแรกด้วยกันในห้องนี้ แต่ในหนังสือแฮร์รี่เป็นคนเดียวที่เข้าไปซ่อนตำราปรุงยาขั้นสูง
  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม กำแพงทางเข้าห้องต้องประสงค์ถูกบดบังไว้ด้วยม่านปักซึ่งมีต้นแบบมาจากงานม่านปัก The Unicorn is in Captivity and No Longer Dead หนึ่งในเจ็ดชิ้นของม่านปักชุด The Hunt of the Unicorn ที่สร้างขึ้นใน South Netherlands ช่วงปี ค.ศ.1495–1505
  • ในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 ได้มีการสลับให้กอยล์เป็นคนเสกคาถาเพลิงปีศาจและเสียชีวิต แทนที่จะเป็นแครบตามในหนังสือ เนื่องจากนักแสดง Jamie Waylett ถูกถอดออกจากบท เนื่องจากถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในข้อหาร่วมกันก่อจราจลที่ลอนดอนในเดือนสิงหาคม 2011 และเคยร่วมกับเพื่อนก่อเหตุวุ่นวาย มีโคเคนในครอบครอง ปลูกกัญชา และอื่น ๆ มาแล้วก่อนหน้านี้
  • ในหนังสือ การจะเข้าไปในห้องต้องประสงค์ต้องคิดสิ่งที่ต้องการพร้อมกับเดินวนสามครั้งหน้าทางเข้า แต่ในภาพยนตร์แค่เดินผ่านและคิดถึงสิ่งที่ต้องการแค่ครั้งเดียว
  • หนังสือระบุว่าทางเข้าห้องต้องประสงค์อยู่ตรงข้ามกับม่านปักผืนมหึมาของบาร์นาบัสจอมเพี้ยนที่ฝึกสอนโทรลล์ให้เต้นบัลเล่ต์ แต่ในภาพยนตร์ตรงข้ามกับประตูทางเข้าเป็นทางเดินทอดยาว
ประตูทางเข้าห้องต้องประสงค์ (ภ.เครื่องรางยมทูต ภาค 2)
ประตูทางเข้าห้องต้องประสงค์ (ภ.เครื่องรางยมทูต ภาค 2)
  • มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับการค้นพบห้องต้องประสงค์ของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ เนื่องจากในปี 1994 (ถ้วยอัคนี) เขาบอกกับอีกอร์ว่าพึ่งรู้จักห้องนี้โดยบังเอิญระหว่างหลงทางไปห้องน้ำบนชั้นเจ็ด และพยายามจะกลับไปหาห้องนั้นอีก แต่หาทางไม่พบ หักล้างกับใน Pottermore ที่ระบุว่า ดัมเบิลดอร์เป็นผู้นำกระจกบานนี้ออกมาจากห้องต้องประสงค์ และนำมันกลับไปเก็บไว้ที่เดิมหลังจากที่ภารกิจปกป้องศิลาอาถรรพ์สิ้นสุด (1992) ขณะที่ภาพยนตร์สัตว์มหัศจรรย์: อาชญากรรมของกรินเดลวัลด์ ดัมเบิลดอร์รู้จักห้องแห่งนี้และกระจกเงาแห่งแอริเซดนับตั้งแต่ปี 1927 และอาจจะพบก่อนหน้านี้ เมื่อรวมกับสิ่งที่เขาพูดว่าตนเองรู้ความลับทุกอย่างของฮอกวอตส์กับอีกอร์ ก็เท่ากับว่าสิ่งที่เขาเล่ากับอีกอร์เป็นเท็จ เพราะดัมเบิลดอร์รู้จักห้องต้องประสงค์มานานแล้ว อีกกรณีหนึ่งก็คือวันนั้นดัมเบิลดอร์พึ่งพบกับห้องน้ำแห่งนั้นโดยลืมไปว่าเขาอยู่ที่ห้องต้องประสงค์ เพราะกำลังเร่งรีบจะเข้าห้องน้ำแต่เลี้ยวผิด